เฟด ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด หุ้นรายงานพิเศษ CPN

เฟด ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด หุ้นรายงานพิเศษ CPN

วันพุธที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังจากที่ปรับตัวลงในวันก่อนหน้า สอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ปรับตัวในแดนบวก ตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐ แรงซื้อมาจากหุ้นกลุ่มพลังงาน ค้าปลีก และการเงิน โดยนักลงทุนติดตามผลการประชุมเฟด

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,685.75 จุด +14.29 จุด +0.85% มูลค่าการซื้อขาย 63,790 ลบ.ต่างชาติ -191.91 ลบ. TFEX +26,669 สัญญา ตราสารหนี้ -13,909.93 ลบ.

 

ปัจจัยบวก

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 6.92 จุด +0.02% ขณะที่ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 2% หลังจาก FED มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ตามคาด และนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดระบุว่าเงินเฟ้อในสหรัฐเริ่มชะลอตัวลง
+ สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างลดลง 0.4%MoM ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าทรงตัวจากเดือนพ.ย.
+ ADP เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 106,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2565 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 178,000 ตำแหน่ง
+ ธปท. เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนม.ค.66 อยู่ที่ 49.8 เพิ่มขึ้นจากระดับ 48.4 ในเดือนธ.ค.65 ตามการปรับเพิ่มขึ้นในเกือบทุกองค์ประกอบ โดยความเชื่อมั่นของทั้งภาคการผลิต และที่ไม่ใช่ภาคการผลิต อยู่เหนือระดับ pre-COVID (ค่าเฉลี่ยปี 62) เล็กน้อย
+ ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) คงกรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2566 ที่ 3 – 3.5% ส่งออกเติบโต 1-2% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในกรอบ 2.7 – 3.2%

 

ปัจจัยลบ 

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 2.46 ดอลลาร์ -3.12% ปิดที่ 76.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของอังกฤษ และการเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียน
- ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 47.4 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2563
 

- เกาหลีใต้ขาดดุลการค้าสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนม.ค. เนื่องจากการส่งออกร่วงลง ขณะที่ความต้องการ เซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกลดลง และราคาพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- ธปท. เปิดเผยว่า ได้ออกสำรวจธุรกิจค้าปลีกในปี 66 โดยผู้ประกอบการมีความกังวลต่อเรื่องต้นทุนที่สูงขึ้นอาจกระทบทำให้ต้องปรับขึ้นราคาสินค้าอีกระลอก และกระทบกำลังซื้อของผู้บริโภคให้อ่อนแอเพิ่มขึ้น

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ หลังเฟด มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน นักลงทุนยังติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,680-1,695 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• ช้อปดีมีคืนปี 66 : BJC CPALL MAKRO CRC COM7 SPVI CPW JMART HMPRO ZEN M AU
• จีนเปิดประเทศ+เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 : MINT CENTEL ERW SPA AU SHR
• หุ้นโรงไฟฟ้าได้ประโยชน์จากรายได้ปรับขึ้นตามค่า FT แต่ต้นทุนเริ่มคงที่ : GPSC BGRIM RATCH
• หุ้นยั่งยืนด้านพลังงานหมุนเวียน : EA TSE SSP SUPER PRIME
• หุ้นได้ประโยชน์จากรถยนต์ไฟฟ้า : EA GPSC BCP OR DELTA
• หุ้น mai เด่นปี 66 : SPA D CEYE AU
• หุ้นเชื่อมโยงการเมือง : TKS SIRI PR9 SC STEC

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

                                                     CPN (“ซื้อ” Bloomberg Consensus 79 บาท)
                                                      มุ่งสู่ผู้นำพัฒนาโครงการ mixed-use ครบวงจร

เฟด ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด หุ้นรายงานพิเศษ CPN

•แผนงานในอนาคต 5 ปีข้างหน้าเตรียมงบลงทุน 1.35 แสนล้านบาทเดินหน้าพัฒนาโครงการ Mixed-use ครบวงจรทุกธุรกิจทั้งศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน โรงแรม และที่อยู่อาศัย ผู้บริหารตั้งเป้าอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) พื้นที่ให้เช่าราว 4% รายได้เติบโตเฉลี่ย 14-16% สัดส่วนรายได้ 75-80% มาจากธุรกิจให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าที่เป็นหัวใจหลักของการพัฒนาโครงการ และอีก 20-25% เป็นรายได้จากธุรกิจอื่น

•ภาพรวมธุรกิจปลายปี 65 Traffic ดีขึ้นชัดเจนจากการจัดกิจกรรมมากขึ้น อัตราการเช่าพื้นที่ปรับขึ้นสู่ระดับเกือบ 90% จาก 80% ใน3Q65 ขณะที่ส่วนลดค่าเช่าลดลงต่อเนื่องและดีกว่าคาดการณ์ของผู้บริหาร ธุรกิจอาคารสำนักงานฟื้นตัวเช่นกันมีอัตราเข้าเช่าเพิ่มขึ้น 10% จากช่วงก่อนโควิด-19 แพร่ระบาด ธุรกิจโรงแรมมีราคาเฉลี่ยห้องพักและอัตราเข้าพักปรับขึ้นมาดีกว่าช่วงก่อนโควิด ธุรกิจที่อยู่อาศัยมียอดโอนที่ดีต่อเนื่อง

ความเห็น : ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกจากการเป็นผู้นำด้านพัฒนาโครงการลักษณะผสม (Mixed- use) ครบวงจรเพื่อใช้ประโยชน์พื้นที่อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไร 4Q65F เฉลี่ย 2,949 ล้านบาท +62%YoY +3%QoQ ขณะที่คาดกำไรปี 65 เฉลี่ย 10,327 ล้านบาท +44%YoY โดยมีแผนเปิดบริการศูนย์การค้าใหม่ 2 แห่งได้แก่ Marche ทองหล่อ ใน 1Q66 และเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ใน 4Q66 แนะนำ “ซื้อ”

 

หุ้นมีข่าว

(+) BYD (Bloomberg consensus - บาท) รับอานิสงส์รถร่วมเปลี่ยนเป็นรถเมล์ EV เผยได้รับการตอบรับดี การใช้งานมีประสิทธิภาพ รับมอบรถอีกกว่า 1,800 คัน ลั่นมีรายได้ขายคาร์บอนเครดิต ร่วมกับ EA ปีนี้รายได้โต 2 เท่า ธุรกิจหลักทรัพย์เติบโตดีเสริมทัพขยายงานกองทุน หุ้นกู้ มีไอพีโอต่อยอดเติบโต (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BCH (Bloomberg consensus 23.65 บาท) เตรียมสร้างโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ สุวรรณภูมิ โดยจะเปิดให้บริการในปี 2569 เป็นส่วนหนึ่งในแผนขยายธุรกิจ 5 ปีข้างหน้า โบรกเกอร์ประเมินเป็น S-curve ใหม่ของบริษัทในระยะยาว เน้นจับกลุ่มผู้ป่วยทั้งประเภทเงินสด และประกันสังคม ดันโควตาผู้ป่วยประกันสังคมเพิ่มเป็น 1.8 ล้านราย จาก 1.5 ล้านราย ด้าน THG จัดตั้งบริษัทย่อย เพื่อทำธุรกิจดูแลสุขภาพและการแพทย์ทางไกล (ที่มา ทันหุ้น)
 

(+) ASW (Bloomberg consensus 10.00 บาท) สบช่องแตกไลน์ธุรกิจใหม่ เปิดช่องรับทรัพย์เพิ่ม พร้อมปั้นของใหม่กว่า 2.25 หมื่นล้านบาท อัพแบ็กล็อกเพิ่ม จากเดิมราว 1.1 หมื่นล้านบาท กินยาวปี 2568 พร้อมปักธงปีนี้รายได้ราว 7.2 พันล้านบาท โครงการเรียงคิวบุ๊กเพียบ เล็งออกหุ้นกู้ชุดใหม่ 1 พันล้านบาท รีไฟแนนซ์ของเดิม-เสริมแกร่งระยะยาว คาดได้เห็นความชัดเจนในไตรมาส 1/2566 (ที่มา ทันหุ้น)

(+) FORTH (Bloomberg consensus 52.00 บาท) ตั้งเป้าขาย "กิ้งก่า อีวี" ปีนี้ 500-1,000 ตู้ เริ่มจำหน่ายในช่วงไตรมาส 2/2566 รองรับการใช้งานอีวีในอนาคต ส่วนตู้ "เต่าบิน" ปีนี้เพิ่มอีก 7,000 ตู้ แตะ 12,000 ตู้ โกยรายได้แตะ 3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 1.2 พันล้านบาท พร้อมเดินหน้าประมูลงานกว่า 6-7 พันล้านบาท ส่วนรายได้รวมคาดทำได้ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)