วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (31 ม.ค. 66)
ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังกังวลดอกเบี้ยขาขึ้นส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา
- ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงกว่า 2% หลังตลาดกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางชั้นนำของโลกจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน โดยตลาดคาดธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นราว 0.25% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.- 1 ก.พ. นี้ ซึ่งจะสอดคล้องกันกับธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน
- อุปทานของรัสเซียยังคงปรับเพิ่มขึ้น แม้ว่าสหภาพยุโรปจะมีการห้ามนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. 65 หลังรัสเซียสามารถส่งออกไปยังอินเดีย และจีนเพิ่มมากขึ้น
+/- การประชุมของกลุ่ม OPEC+ ในวันที่ 1 ก.พ. คาดกลุ่มผู้ผลิตมีแนวโน้มที่จะคงนโยบายเดิมในการปรับลดกำลังการผลิต ท่ามกลางความไม่แน่นอนของอุปสงค์และอุปทาน เพื่อรักษาสมดุลตลาดไว้
+ สถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางเริ่มร้อนร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง หลังแหล่งข่าวมีการเปิดเผยว่าอิสราเอลใช้โดรนเข้าโจมตีโรงงานผลิตอาวุธในอิหร่าน สร้างความกังวลหากอิหร่านมีการตอบโต้และเกิดความรุนแรงซึ่งอาจจะกระทบต่อการผลิตและการขนส่งน้ำมัน
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังการส่งออกของจีนคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นในเดือน ก.พ. 66 เนื่องจากความต้องการใช้ลดลงหลังเทศกาลตรุษจีน อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่ยังอยู่ในระดับสูง
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ ตามตลาดยุโรปที่ปรับลดลงค่อนข้างมาก จากอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงและสต็อกที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม อุปทานมีแนวโน้มตึงตัวมากขึ้น หลังยุโรปห้ามนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากรัสเซียตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. 66