ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ หนุนคาดการณ์ชะลอแบบค่อยเป็นค่อยไป

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ หนุนคาดการณ์ชะลอแบบค่อยเป็นค่อยไป

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยรวมส่งสัญญาณบวกต่อตลาดหุ้น โดยตัวเลขสำคัญได้แก่ 1) การจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm payroll) ธ.ค.ออกมาที่ 223,000 ตำแหน่ง (ดีกว่าคาดการณ์ที่ 205,000 ตำแหน่ง และมากกว่า พ.ย.ที่ 263,000 ตำแหน่ง)

2) ค่าแรงรายชม. (Average hourly earnings) ธ.ค. ต่ำคาดและเพิ่มในอัตราที่ชะลอตัวลง โดยเพิ่ม 0.3% MoM (จาก พ.ย. 0.6% MoM) และ 4.6% YoY (จาก พ.ย. +5.1% YoY) 3) ตัวเลขภาคบริการและภาคผลิต ทั้ง  ISM Services Index, Factory Orders และ Durable Goods Orders ต่างอยู่ในทิศทางต่ำคาดและชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า ทำให้ภาพรวมของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นการค่อยๆชะลอ เพิ่มความหวังที่นักลงทุนมองเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวแ บบค่อยเป็นค่อยไป (soft landing) ซึ่งจะบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวม และบวกต่อภาวะการลงทุนของไทยและตลาดเกิดใหม่

 

ต้นทุนโภคภัณฑ์ที่ปรับลดลง และเงินบาทที่แข็งค่า บวกกับปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์ แปรรูปอาหารและไฟฟ้า ต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบที่ลดลง รงมถึงการเปิดเมืองของจีน บวกต่อหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมีและบรรจุภัณฑ์ อาทิ PTTGC, IRPC, SCC / ขณะที่ราคาเนื้อสัตว์ แป้งสาลี และวัตถุดิบการผลิตที่ลดลงหลายอย่าง คาดจะส่งผลลวกให้กลุ่มแปรรูปอาหาร ได้แก่ AU, NSL, SORKON / ขณะที่ค่าเงินบาทที่แข็งค่า ส่งผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ไปลงทุนต่างประเทศ ทำให้หนี้สกุลต่างประเทศลดลง และมีโอกาสบันทึกกำไรจากค่าเงิน บวกต่อ BGRIM, GPSC, EGCO, RATCH, GULF เป็นต้น
 

ประเด็นลงทุนที่น่าสนใจ 1) ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจและเปิดเมือง BBL, SCB, MINT, SPA, VRANDA, TNR, KISS, CPN, CRC, CPALL, MAKRO, MAJOR 2) หุ้นได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว (พลังงาน ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์) ได้แก่ PTTGC, IRPC, SCGP, AJ, PTL, SCC, PTTEP, PTT 3) กลุ่มบริโภคและการย้ายฐานการผลิต ได้แก่ WHA, AMATA, ROJNA 4) การขายไฟพลังงานทดแทน 5200MW GULF, GUNKUL, BCPG, SSP, BGRIM, GPSC, EGCO 5) หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ STP, TNR, DMT, TVDH, KLINIQ, FLOYD, SORKON 6) กลุ่มน้ำตาล เข้า high season และปริมาณการผลิตไทยสูงสุดในรอบ 3 ปี ดีกับ KSL, KTIS, KBS, BRR

 

ภาพรวมกลยุทธ์: ยังคงมุมมองบวกต่อหุ้นไทยแม้อาจมีแรงขายปรับพอร์ตสลับบ้างช่วงต้นปี หุ้นกลุ่มเปิดเมือง (ท่องเที่ยว ค้าปลีก ธนาคาร) มีแนวโน้มเคลื่อนไหวโดดเด่นในระยะสั้น เน้นตัวที่ยัง Laggard ขณะที่ราคาพลังงานที่ลงและเงินบาทแข็งค่าบวกกับกลุ่มโรงไฟฟ้า และเรามองกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์เกี่ยวกับฝั่งต้นทุนที่ลดลง จะมีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดี  //หุ้นแนะนำ: BJC*, SCGP, VRANDA, WHAUP*

แนวรับ: 1,655-1,665 / แนวต้าน : 1,690 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

 

 

 

 

 

ประเด็นการลงทุน

ประธานเฟดแอตแลนตาเผยตัวเลขจ้างงานบ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว – โดยหากข้อมูลยังคงบ่งชี้ทิศทางดังกล่าว เฟดก็จะสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมเดือนก.พ.

นอร์เวย์เป็นประเทศผู้จัดหาก๊าซธรรมชาติอันดับหนึ่งให้เยอรมนีปี 65 แทนที่รัสเซีย - โดยคิดเป็น 33% ของปริมาณทั้งหมด ขณะที่รัสเซียเป็นผู้จัดหาก๊าซธรรมชาติลดลงเหลือ 22% ในปี 2565 จากเดิมที่รัสเซียเคยมีสัดส่วนถึง 52% ของการนำเข้าก๊าซของเยอรมนีในปี 2564

ตลท.-TFEX เตรียมปรับเกณฑ์ซื้อขายหุ้นใหม่ เริ่มใช้ Q1/66 – เช่น 1) ปรับเกณฑ์การกำหนดราคาเปิดและราคาปิด (Equilibrium Price) 2) เพิ่มเครื่องหมาย P (Pause) สำหรับกรณีที่มีการใช้มาตรการกำกับการซื้อขายกับหลักทรัพย์ที่มีสภาพการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติของตลาด แทนการใช้เครื่องหมาย SP (Suspension) 3) เพิ่มประเภทคำสั่งที่มีอายุข้ามวัน (Overnight Order) แต่ไม่เกินกว่า 30 วัน เป็นต้น

เที่ยวด้วยกัน - ททท.เตรียมอัดฉีดงบ 4 พันล้านบาท กระตุ้นท่องเที่ยว 2566 สร้างรายได้ 2.38 ล้านล้านบาท เตรียมเสนอครม. 10 ม.ค. พิจารณาเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 จำนวน 5.6 แสนสิทธิ์ โดยมองการเปิดประเทศของจีนจะหนุนนักท่องเที่ยวต่างชาติแตะ 25 ล้านคน (จากเดิม 20 ล้านคน)

JKN เพิ่มทุน – ประกาศเพิ่มทุน 1,019 ล้านหุ้น จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิม 1:1 ที่ราคา 3 บาท XR 22 ก.พ.66 ชำระเงิน 20-24 มี.ค.66

 

ประเด็นติดตาม: 12 ม.ค. – US CPI / 13 ม.ค. – EU Industrial Production / 18 ม.ค. – EU CPI, US Retail Sales, US PPI / 19 ม.ค. – US Building Permits / 20 ม.ค. – US Existing Home Sales

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)