Transportation Sector - ยังไม่มีสัญญาณกว่าการเดินทางจะแผ่วลง

จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนธันวาคม ซึ่งหากเป็นจริงจะทำให้กำไรจากธุรกิจหลักใน 4Q22 มีแนวโน้มบวกต่อเนื่องจาก 3Q22   

 

การตรวจสอบของเรายืนยันโมเมนตัมที่แข็งแกร่งในเดือนธันวาคม

เนื่องจากเรามองบวกกับโมเมนตัมการเดินทาง โดยเฉพาะใน 4Q22 เราจึงทำการตรวจสอบข้อมูลล่าสุดผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อพิสูจน์ว่ามุมมองของเรายังถูกต้องอยู่หรือไม่  โดยเราได้ทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าทั้งบนดิน และใต้ดินในช่วงก่อนปีใหม่ และเพื่อไม่ให้เกิดความเอนเอียง เราจึงขึ้นรถไฟฟ้าสองครั้งในหนึ่งวัน (ช่วงเช้า และบ่าย) เป็นเวลาอย่างน้อยสามวัน ซึ่งเราพบว่าปริมาณผู้โดยสารค่อนข้างน่าประทับใจ โดยทั้งรถไฟฟ้าบนดินและใต้ดินมีจำนวนผู้โดยสารหนาแน่นในช่วงเช้าเพราะ คนทำงานยังคงใช้รถไฟฟ้าเพื่อเดินทางเข้าไปทำงานใน ออฟฟิศ แต่สิ่งที่ทำให้เราแปลกใจมากที่สุดคือจำนวนผู้โดยสารในช่วงบ่ายยังคงค่อนข้างแน่น ซึ่งจากการสังเกตของเราพบว่านักท่องเที่ยวที่ทะลักเข้ามาเป็นสาเหตุให้จำนวนผู้โดยสารหนาแน่นในช่วงบ่ายทั้งในส่วนของรถไฟฟ้าบนดินและใต้ดิน ดังนั้น เราจึงคาดว่าโมเมนตัมของการเดินทาง (mom) น่าจะยังแข็งแกร่งต่อเนื่องในเดือนธันวาคม 2022. 

     

 

 

ปริมารการเดินทางที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรถไฟฟ้า จะช่วยหนุน EPS ใน 4Q22

เมื่อกลางเดือนธันวาคม 2022 เราได้อัพเดตปริมาณการเดินทางของทั้ง BTS และ BEM พบว่าเพิ่มขึ้นทั้ง mom และ yoy ซึ่งหากปริมาณการเดินทางเต็มเดือนธันวาคมเป็นไปตามที่เราคาดไว้ (สูงกว่าเดือนพฤศจิกายน) เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของทั้ง BTS และ BEM น่าจะดีขึ้นใน 4Q22 เมื่อเทียบกับ 3Q22 สำหรับผลประกอบการเต็มปี 2022 เราคาดว่ากำไรสุทธิของ BEM จะอยู่ที่ 2.69 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 167% yoy โดยคาดว่า EPS จะโตถึง 31% CAGR ในช่วงปี 2023-24 จากปริมาณการเดินทางที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในธุรกิจรถไฟฟ้า ส่วนของ BTS เราคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2023 จะลดลง 19% yoy เหลือ 2.7 พันล้านบาท เพราะถูกฉุดจากการที่ VGI ฟื้นตัวช้า โดยเราคาดว่ากำไรใน 2H23 จะสูงกว่าใน 1H23 เพราะ BTSGIF และ VGI ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง 

 

เรายังคงเลือก BEM เป็นหุ้นเด่นโดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 11.50 บาท

เรายังคงเลือก BEM เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มนี้จากเหตุผลสามข้อ ได้แก่ i) ผลการดำเนินงานของธุรกิจทางด่วนและรถไฟฟ้าฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเพราะประเทศไทยยกเลิกข้อจำกัดเพื่อคุมโรคระบาดไปเกือบหมดแล้ว ii) มีความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการน้อยกว่า BTS และ iii) มีโครงการใหม่ (รถไฟฟ้าสายสีส้ม และทางด่วนชั้นที่สอง) ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนกำไรและมูลค่ากิจการในระยะยาว