SPRC การลงทุนในธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม

SPRC การลงทุนในธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม

ปรับประมาณการกำไรเต็มปี และปรับลดราคาเป้าหมาย

เข้าซื้อกิจการธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมในประเทศไทย

SPRC จะเสนอแผนเข้าซื้อ i) หุ้น 100% ใน Chevron Lubricants (Thailand) ซึ่งมีสถานีบริการน้ำมัน 427 สถานี และถือหุ้น 2.51% ใน Bangkok Aviation Fuel Services (BAFS.BK/BAFS TB), ii) หุ้น 9.91% ใน Thai Petroleum Pipeline (Thappline) ซึ่งทำธุรกิจขนส่งเชื้อเพลิงผ่านท่อ และ iii) ที่ดิน 19 แปลงซึ่งใช้ในการดำเนินธุรกิจเชื้อเพลิง เพื่อให้ผู้ถือหุ้นของ SPRC พิจารณาอนุมัติในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 31 มกราคม 2566 ทั้งนี้มติการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวต้องได้รับอนุมัติไม่น้อยกว่าสามในสี่ของเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่เข้าร่วมการประชุม โดยไม่รวมเสียงของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย ซึ่ง SPRC จะใช้เงินลงทุนประมาณ 155.8 ล้านดอลลาร์ฯ (5.6 พันล้านบาท) แบ่งเป็น i) 90 ล้านดอลลาร์ฯ (3.2 พันล้าน
บาท) สำหรับธุรกรรมของธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และ ii) มูลค่าที่แท้จริงของเงินทุนหมุนเวียนสุทธิในธุรกิจดังกล่าว ณ วันเข้าซื้อกิจการ ซึ่งกำหนดไว้ใน 1H67 โดยเงินทุนหมุนเวียนสุทธิในปี 2564 อยู่ที่ 65.8 ล้านดอลลาร์ฯ (2.4 พันล้านบาท) เรามองบวกกับการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวเพราะคาดว่าธุรกิจใหม่จะทำกำไรให้บริษัทประมาณ 0.9-1.0 พันล้านบาทต่อปี คิดเป็น 11-12% ของประมาณการกำไรปี 2567F ของเรา แต่อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ได้รวมธุรกิจใหม่นี้เข้าไว้ในแบบจำลองของเรา

 

ปรับลดประมาณการกำไรปีนี้ลง 52% แต่ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีหน้าขึ้น 9%

เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2565F ลง 52% เหลือ 6.6 พันล้านบาท ในขณะที่ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2566F ขึ้นอีก 9% เป็น 6.8 พันล้านบาท เนื่องจากเราปรับสมมติฐานกำไร/ขาดทุนจากสต็อกน้ำมันของทั้งสองปีใหม่ หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบดูไบลดลงมาอย่างมากจาก US$91/bbl ในเดือนกันยายน มาอยู่ที่ US$78/bbl ในเดือนธันวาคม ดังนั้นเราจึงคาดว่า SPRC จะบันทึกผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน 3.8 พันล้านบาทในปี 2565F จากเดิมที่คาดว่าจะมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน 3.2 พันล้านบาท ในขณะเดียวกันเราคาดว่าบริษัทจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันอีกในปี 2566F จากเดิมที่คาดว่าจะต้องบันทึกผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน 1.4 พันล้านบาทในปีหน้า นอกจากนี้ เรายังเลื่อนการรับรู้ค่าสินไหมประกันภัยที่เราคาดไว้ประมาณ 550 ล้านบาทจากกรณีน้ำมันรั่วในโครงการ Single Point Mooring (SPM) ออกไปเป็นปีหน้า ในขณะที่เรายังคงสมมติฐาน market GRM ของ SPRC ในปี 2565F ที่ US$10.1/bbl แต่ปรับลดสมมติฐานปี 2566F ลง 6% เหลือ US$7.0/bbl หลังจากที่เราปรับสมมติฐาน spread น้ำมันเบนซิน, น้ำมันเครื่องบิน และน้ำมันดีเซลปีนี้เป็น US$19.0/30.0/34.0/bbl และปีหน้าเป็น US$11.0/24.0/25.0/bbl โดยปรับเพิ่มสมมติฐานต้นทุน Murban crude premium ปีนี้เป็น US$7.2/bbl และ ปีหน้าเป็น US$7.0/bbl

 

 

 

Valuation & Action

เราปรับลดราคาเป้าหมายปี 2566 ลงเหลือ 15.00 บาท จากเดิมที่ 16.30 บาท อิงจาก EV/EBITDA ที่ 6.0x ลดลงจาก 6.5x เพื่อสะท้อนถึง i) การปรับลดประมาณการกำไรปี 2565 และ ii) ค่าการกลั่นที่คาดว่าจะลดลงในปีหน้า แม้ว่าจะยังอยู่ในระดับที่ดี นอกจากนี้ เรายังตัด SPRC ออกจากการเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มพลังงานของเราด้วย แต่ยังคงคำแนะนำซื้อ เนื่องจากคาดว่าค่าการกลั่นจะดีขึ้นใน 4Q65-1Q66 จากอุปสงค์น้ำมันดีเซลที่สูงตามฤดูกาลในหน้าหนาว

 

Risks

ความผันผวนของราคน้ำมันดิบและ GRM