เน้นเลือกหุ้น Laggard ในธีมจีนเปิดประเทศ (ท่องเที่ยว ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์)

เน้นเลือกหุ้น Laggard ในธีมจีนเปิดประเทศ (ท่องเที่ยว ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์)

ส่งออก พ.ย. -6% ติดลบน้อยกว่าคาด แต่โมเมนตัมยังชะลอไปจนครึ่งแรก 2566 กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออก พ.ย.65 ที่ 22,308 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ -6.0% ชะลอตัวจาก 11 เดือนที่ +7.6% แต่เป็นระดับที่ติดลบน้อยกว่าคาดจากตัวเลขส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ ยังบวกเล็กน้อย

ขณะที่ตลาดอื่นๆส่วนใหญ่ติดลบ 5-15% สินค้าส่งออกที่ชะลอส่วนใหญ่อยู่ในหมวดอุตสาหกรรม อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ, อัญมณีและเครื่องประดับ, เม็ดพลาสติด, เคมีภัณฑ์ และน้ำมันสำเร็จรูป ขณะที่สินค้าเกษตรที่ชะลอตัวลงมาก ได้แก่ ข้าว, ยางพารา, อาหารสัตว์เลี้ยง และผลไม้กระป๋องและแปรรูป ซึ่งเป็นทิศทางที่ต่อเนื่องมาจาก ต.ค. เรามองโมเมนตัมการส่งออกจะยังชะลอตัวต่อเนื่องใน 4-6 เดือนข้างหน้า ตามเศรษฐกิจยุโรปและสหรัฐฯ ขณะที่การเปิดเมืองของจีนอาจเป็นตัวช่วยในบางอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสินค้าปิโตรเคมีและบรรจุภัณฑ์

 

กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าจะได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศของจีน ได้แก่ 1) กลุ่มเปิดเมือง (ท่องเที่ยว ห้าง) MINT, CENTEL, ERW, AOT, AAV, SPA, VRANDA 2) หุ้นได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว (พลังงาน ปิโตรเคมี) ได้แก่ PTTGC, IRPC, SCGP, SCC, PTTEP, PTT 3) กลุ่มบริโคและการย้ายฐานการผลิต ได้แก่ CPALL, MAKRO, TKN, WHA, AMATA เป็นต้น เรามองหุ้นเด่นที่น่าสนใจได้แก่ MINT, SPA, VRANDA, PTTGC, SCGP เป็นต้น // ทั้งนี้แม้กลุ่มการเงินจะยังมีปัจจัยถ่วงเรื่องหนี้เสีย (NPL) แต่เศรษฐกิจที่ดีขึ้นจากการมาของนักท่องเที่ยวจีน มีโอกาสช่วยเพิ่มคุณภาพลูกหนี้ได้ ทำให้กลุ่มการเงินเป็นกลุ่มที่น่าจับตา

 


 

ประเด็นลงทุนที่น่าสนใจ 1) ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจและเปิดเมือง BBL, SCB, MINT, SPA, VRANDA, TNR, KISS, CPN, CRC, CPALL, MAKRO, MAJOR  2) การขายไฟพลังงานทดแทน 5200MW GULF, GUNKUL, BCPG, SSP 3) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรผ่านจุดสูงสุด ADVANC, EGCO, RATCH 4) อสังหาริมทรัพย์ SPALI, AP, LH, ASW 5) หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ STP, TNR, DMT, TVDH, KLINIQ, FLOYD

 

ภาพรวมกลยุทธ์: หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีน (พลังงาน และปิโตรเคมี) มีแนวโน้มเคลื่อนไหวโดดเด่นในระยะสั้น เน้นตัวที่ยัง Laggard หรือที่มีสัดส่วนรายได้จากคนจีนสูงมากๆ //หุ้นแนะนำ: IRPC. PTTGC, SCGP, VRANDA

แนวรับ: 1,630 / แนวต้าน : 1,652-1,670 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

ประเด็นการลงทุน

ปูติน สั่งแบนส่งออกน้ำมันตอบโต้ประเทศกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซีย – คำสั่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2566 ถึงวันที่ 1 ก.ค.2566 โดยรัสเซียจะห้ามส่งออกน้ำมันดิบตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2566 ส่วนผลิตภัณฑ์น้ำมันจะมีการกำหนดเวลาหลังจากนั้น

ยูเครนหวัง UN เป็นคนกลางจัดประชุมเจรจาสันติภาพ – รัฐบาลยูเครนต้องการให้มีการจัดการประชุมสุดยอดเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพภายในเวลา 2 เดือนที่องค์การสหประชาชาติ (UN) โดยมีนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการ UN เป็นคนกลาง

จีนไฟเขียวประชาชนเดินทางออกนอกประเทศ เริ่ม 8 ม.ค.66 – จีนจะกลับมาดำเนินการออกวีซ่าให้กับชาวจีนที่อาศัยในแผ่นดินใหญ่สำหรับการเดินทางออกนอกประเทศตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2566

ครม.ผ่านแผนคลังระยะปานกลางปี 67-70 - กำหนดเป้า GDP, กรอบเงินเฟ้อ, ลดขาดดุล ประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิ ปี 66-70 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 

จับตายุบสภา หลังครม.ไฟเขียวกรอบวงเงินงบประมาณปี 67 - ครม. มีมติอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณประจำปี 2567 โดยมีกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่าย วงเงิน 3.35 ล้านล้านบาท เป็นงบประมาณแบบขาดดุล จำนวน 5.95 แสนล้านบาท ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เชื่อว่า แม้จะมีการยุบสภาเกิดขึ้น ก็ไม่ส่งผลต่อการจัดทำกรอบวงเงินงบประมาณ และเมื่อเดินตามปฏิทินงบประมาณ สิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ คือ งบรายจ่ายประจำที่เป็นไปตามกฏหมาย และภาระงบประมาณผูกพัน

กกพ.ทบทวนค่า Ft – วันนี้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะประชุมทบทวนค่า Ft รอบ ม.ค.-เม.ย.66 ของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ซึ่งอาจมีการรปรับลดลงจากตัวเลขก่อนหน้า อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะขึ้นเท่าไหร่ ก็ยังคงเป็วกต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า โดยหุ้นเด่นในกลุ่มคือ BGRIM

บอร์ด PTT เคาะแนวทางช่วยค่าไฟกลุ่มเปราะบาง – จะจัดสรรก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมเพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า รวมทั้งพยายามจัดหา LNG ที่มีราคาเหมาะสม มุ่งลดต้นทุนเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าเทียบเท่า 6,000 ล้านบาท พร้อมมั่นใจไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ

 

ประเด็นติดตาม: 28 ธ.ค. – US Pending Home Sales / 4 ม.ค. - ISM Manufacturing PMI, JOLTs Job Openings / 6 ม.ค. – EU CPI, Nonfarm Payrolls, US Unemployment Rate, ISM Non-Manufacturing PMI

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)