ยังผันผวน หุ้นรายงานพิเศษ HARN (19 ธ.ค. 2565)

ยังผันผวน หุ้นรายงานพิเศษ HARN (19 ธ.ค. 2565)

วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงการซื้อ-ขาย มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มพลังงาน การปรับตัวลงเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ

จากประเด็นความกังวลว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกเพื่อสกัดเงินเฟ้อนั้น จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,619.01 จุด -1.27 จุด -0.08% มูลค่าการซื้อขาย 66,299.75 ลบ. ต่างชาติ +2,310.88 ลบ. TFEX +16,361 สัญญา ตราสารหนี้ -1,053.36 ลบ.

 

ปัจจัยบวก

+ สมาคมผู้ผลิตยานยนต์จีน (CAAM) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลระดับไฮเอนด์ที่ผลิตในจีนขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศตลอดช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา แม้จะเผชิญกับการหยุดชะงักจากโควิด-19 โดยรถยนต์ข้างต้นสามารถขายได้มากกว่า 3.51 ล้านคันในจีน เพิ่มขึ้น 12.7%YoY
+ เหล่าผู้เจรจาของสหภาพยุโรป (EU) บรรลุข้อตกลงในการปรับปรุงตลาดคาร์บอนใหม่ ซึ่งเป็นเครื่องมือด้านโยบายหลักของ EU ในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน
+ รมว.พาณิชย์ กล่าวในงาน Hmong Economic Leaders 2022 ว่า ภาวะการส่งออกของไทยในปี 65 คาดว่าจะมีมูลค่าราว 9 ล้านล้านบาท โดยอัตราการเติบโตจะมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น 7% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 64 ที่มีมูลค่ารวม 8.5 ล้านล้านบาท ส่วนในปี 66 คาดว่าจะมีมูลค่าการส่งออกราว 9.25 ล้านล้านบาท

 

ปัจจัยลบ 

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 281.76 จุด หรือ -0.85% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 1.7% และยังติดลบเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกันด้วย เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกเพิ่มขึ้นว่า การเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด เพื่อควบคุมเงินเฟ้อนั้น จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 1.82 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 74.29 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากธนาคารกลางรายใหญ่ส่งสัญญาณว่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีหน้า ซึ่งทำให้เกิดความวิตกว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยซึ่งอาจทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง อย่างไรก็ตาม ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 4.6%
 

 

- สหรัฐเปิดเผย PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นปรับตัวลงสู่ระดับ 44.6 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 46.4 ในเดือนพ.ย. โดยดัชนี PMI ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว และหดตัวเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน
- รัฐบาลสหรัฐดำเนินการขึ้นบัญชีดำบริษัทเทคโนโลยีจีน รวมทั้งหมด 36 แห่ง ซึ่งถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของโลก
- เมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของจีน ประกาศปิดโรงเรียนส่วนใหญ่ในวันนี้ เนื่องจากความกังวลว่า การยกเลิกมาตรการเข้มงวดในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 จะส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยนักลงทุนยังวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง ยังกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,610-1,625 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• FTSE SET Large Cap : หุ้นเข้า AWC หุ้นออก JTS FTSE SET Mid Cap : หุ้นเข้า JTS RAM TLI หุ้นออก AWC BTSGIF TFFIF มีผล 19 ธ.ค.65
• ลุ้นช้อปดีมีคืนปี 66 : BJC CPALL MAKRO CRC COM7 SPVI CPW JMART HMPRO ZEN M AU
• จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเร่งตัวขึ้น : BCH CHG EKH THG WPH
• สินค้าส่งออกเดือน ต.ค. ที่ยังเติบโตได้ดี : TEAM HANA KCE SMT

 

หุ้นรายงานพิเศษ

                                                 HARN - “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 66 เท่ากับ 2.43 บาท

•รายงานกำไรสุทธิงวด 3Q65 ที่ 28.4 ลบ. เติบโต 193.8%YoY และ 24.0%QoQ: บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 328.8 ลบ. เติบโตสูงถึง39.8%YoY จากฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 9.4%QoQ จากการทยอยส่งมอบงาน จากยอดคำสั่งซื้อค้างส่งจากปี 64 และสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง มี %GPM ที่ระดับ 29.4% ใกล้เคียง YoY, QoQ จากระดับ 29.3% ใน 3Q64 และที่ ระดับ 29.7% ใน 2Q65 ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิงวด 3Q65 เท่ากับ 28.4 ลบ. คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 8.6% ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้ง YoY, QoQ จาก 4.0% ใน 3Q64 และ 7.6% ใน 2Q65

•คงประมาณการกำไรสุทธิปี 65 และปี 66 ที่ 85 ลบ. และ 89 ลบ. คิดเป็นการเติบโต 17%YoY และ 5%YoY ตามลำดับ คาดการณ์รายได้ และกำไรสุทธิปี 65 ที่ 1,180 ลบ. และ 85 ลบ. เติบโต 15% และ 17% จากปี 64 โดยรายได้ และกำไรในช่วง 9M65 คิดเป็น 78% และ 80% ของประมาณการปี 65 ส่วนรายได้ในงวด 4Q65 บริษัทคาดอยู่บริเวณ 327-345 ลบ. เติบโตเล็กน้อย QoQ แต่เติบโต 23-30%YoY จากผลการดำเนินงานของบริษัทที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ทำให้ประมาณการเราในปี 65 มีอัพไซต์เล็กน้อย ณ สิ้นเดือน ก.ย. 65 มี backlog 467 ล้านบาท

•คงคาแนะนำ “ซื้อ” ปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 66 เท่ากับ 2.43 บาท: ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวจากผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายและเป็นสินค้าที่จำเป็นต้องใช้งานในอาคารและโรงงาน เราประมาณกำไรต่อหุ้นปี 66 เท่ากับ 0.152 บาท และใช้ Prospective P/E ใหม่ที่ระดับ 16 เท่า (อิง PER ย้อนหลัง 5 ปีของบริษัทที่ระดับ +0.50SD) ลดลงจากเดิมที่ระดับ 18 เท่าเนื่องจากคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตของกำไรที่ชะลอลง (คาดกำไรปี 66 เพิ่มขึ้น 5%) ทำให้ได้ราคาเหมาะสมปี 66 เท่ากับ 2.43 บาท

 

หุ้นมีข่าว

(+) BGC (Bloomberg consensus 11.50 บาท) ใกล้ปิดดีล M&A เจรจาคืบหน้าแล้ว 80-90% คาดสรุปใน Q1/2566 ใช้เงินลงทุนประมาณ 600 ล้านบาท เล็งขยายลงทุนกลุ่มประเทศ CLMV คาดว่าจะเกิดขึ้นประมาณ 3-4 ปีข้างหน้า มองเป็นตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง ส่วนในปีหน้าตั้งเป้ายอดขายโต 7-10% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและสถานการณ์โควิด-19 ที่ดีขึ้น หนุนกำลังซื้อ รวมถึงตลาดส่งออกยังเติบโต (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TAKUNI (Bloomberg consensus - บาท) ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ลุยธุรกิจใหม่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ผ่านบริษัท "อี้หาวมอเตอร์" ถือหุ้น 40% พร้อมร่วมทุนกับบริษัท SERSOL ในไทยและมาเลเซีย ตั้งเป้าโกยยอดขาย 7 หมื่นคัน ภายใน 3 ปีดันสัดส่วนรายได้ชน 60% พร้อมลงทุนธุรกิจเอาต์ซอร์สเซอร์วิส ปั๊มรายได้โตปีละ 2 เท่า(ที่มา ทันหุ้น)

(+) ORI (Bloomberg consensus 13.55 บาท) รุกธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ครั้งแรก เปิดตัวค่ายเพลง "Origin Music" ร่วมปลุกกระแส T-Pop เดินหน้าปั้นแบรนด์สู่ Forever Young แบรนด์ขวัญใจครองใจคน Gen Z ดึง 2 โปรดิวเซอร์มือเก๋านั่งแท่นผู้บริหาร กางโครงสร้างธุรกิจลุยครบตั้งแต่ปั้นศิลปินนายแบบ-จัดคอนเสิร์ต-ผลิตซีรีส์ ต่อยอดแกร่ง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SUSCO (Bloomberg consensus 6.80 บาท) มั่นใจรายได้ปี 2565 แตะ 30,000 ล้านบาท จากปี 2564 ที่ทำได้ 20,184.77 ล้านบาท ด้านยอดขายน้ำมัน 3 เดือนสุดท้ายคึกคัก และมีน้ำมันอากาศยาน (JET) เข้ามาหนุน ปัจจุบันปริมาณการขายปรับตัวขึ้นราว 40% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากภาคการท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัว (ที่มา ทันหุ้น)