DOHOME ทั้งยอดขาย และอัตรากำไรยังถูกกดดันอยู่

DOHOME ทั้งยอดขาย และอัตรากำไรยังถูกกดดันอยู่

แม้ว่า SSSG ของ DOHOME จะดีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน และต้นเดือนธันวาคม 2565 (ทรงๆตัวถึงบวกเล็กน้อย) แต่ยังไม่ดีพอที่จะชดเชย SSSG ที่ติดลบในเดือนตุลาคม (ที่ประมาณ -13%)

เพราะผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมต่อร้านของ DOHOME ที่อุบลราชธานี (~20% ของยอดขายรวม) ดังนั้น SSSG จึงยังอยู่ที่ประมาณ -8-9% QTD เราคาดว่า SSSG ในช่วงที่เหลือของเดือนธันวาคมจะได้แรงหนุนจากการเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยว ทั้งนี้ รายได้ภาคเกษตรของไทยเพิ่มขึ้น 25% YoY ในเดือนตุลาคม 2565 และเพิ่มขึ้น 17% YoY ในช่วงสิบเดือนแรกของปีนี้ ดังนั้น เราจึงคาดว่า SSSG ของ DOHOME จะอยู่ที่ประมาณ -7% ใน 4Q65 ทำให้ SSSG ในปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 9% ซึ่งใกล้เคียงกับสมมติฐานปี 2565 ของเราที่ 10%

 

อัตรากำไรจะยังคงถูกกดดันจากราคาเหล็กที่ลดลง

ราคาเหล็กลดลงทั้ง YoY และ QoQ (Figure 1-2) ซึ่งน่าจะยังกดดันอัตรากำไรของบริษัท (ยอดขายเหล็กอยู่ที่ ~30% ของยอดขายรวม) ถึงแม้ว่าอัตรากำไรขั้นต้นของสินค้า house brand จะฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่~29-30% จาก ~28-29% ใน 3Q65 แต่อาจจะยังไม่พอที่จะชดเชยแรงกดดันจากอัตรากำไรของเหล็กได้  ดังนั้น เราจึงคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของ DOHOME ใน 4Q65 จะอยู่ที่ 15% (-2.2ppts YoY, +1.0pptsQoQ) ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2565 อยู่ที่ 15.9% (-4.3ppts YoY) ใกล้เคียงกับสมติฐานปีนี้ของเรา 4Q22 เราคาดว่าสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายจะอยู่ที่ 12.4% (จาก 11.5% ใน 4Q64 และ 12.6% ใน 3Q65) ซึ่งสะท้อนถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเปิดร้านใหม่ รวมถึงต้นทุนค่าแรงงาน และสาธารณูปโภค ดังนั้น เราจึงคาดว่ากำไรสุทธิของ DOHOME ใน 4Q65 จะอยู่ที่ 109 ล้านบาท (-67% YoY, +116% QoQ) ทำให้กำไรสุทธิในปี 2565 อยู่ที่ 934 ล้านบาท (-49% YoY)

 

 

ผลประกอบการจะฟื้นตัวขึ้นในปี 2566

เนื่องจากอัตรากำไรในปีนี้อ่อนแอเป็นพิเศษเพราะราคาเหล็กลดลงมาก ดังนั้นกำไรจึงมีโอกาสที่จะฟื้นตัวได้ในปี 2566 ในขณะเดียวกัน การขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง และการใช้กลยุทธ์ house brand น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนให้กำไรฟื้นตัวได้ในปี 2566-2567 ดังนั้น เราจึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566-2567 เอาไว้เท่าเดิม โดย 1% ของอัตรากำไรขั้นต้นของเหล็กที่หายไปจะกระทบกำไรสุทธิประมาณ 5-10%

 

Valuation & action

เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” DOHOME โดยประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 12.20 บาท อิงจาก PER ที่ 27.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีตระหว่าง Siam Global House (GLOBAL.BK/GLOBAL TB)* และ Home Product Center (HMPRO.BK/HMPRO TB)* -1.0 S.D.)

 

Risks

เศรษฐกิจชะลอตัวลง, ขยายสาขาได้น้อยกว่าที่วางแผนเอาไว้, ราคาพืชผลอ่อนแอ, ภัยธรรมชาติ, สินค้าค้างสต็อกเป็นจำนวนมาก