OSP - ถอยครึ่งก้าวเพื่อเพิ่มยอดขาย (1 ธ.ค. 2565)

OSP - ถอยครึ่งก้าวเพื่อเพิ่มยอดขาย (1 ธ.ค. 2565)

เราคาดว่าการใช้กลยุทธ์การกำหนดราคาแบบ two-tier จะช่วยให้ปริมาณยอดขายเพิ่มขึ้นในปี 2023 ในขณะเดียวกัน การแข่งขันในตลาดเครื่องดื่ม energy drink ในประเทศจะเข้มข้นมากขึ้น และสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายน่าจะเพิ่มขึ้น

เรายังคงคำแนะนำถือ และปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย DCF เป็น 28.50 บาท (จากเดิมที่ 26 บาท)

 

การเติบโตของธุรกิจอื่น ๆ ช่วยหนุนยอดขายในงวด 9M

แม้ว่ายอดขายของธุรกิจเครื่องดื่มในประเทศจะลดลง -3.4% yoy ใน 2Q, -8.3% yoy ใน 3Q ส่งผลให้ยอดขายจากธุรกิจเครื่องดื่มในงวด 9M ลดลง -1.3% yoy แต่ยอดขายรวมในงวด 9M22 ยังขยายตัวได้ +5.2% yoy หนุนโดยยอดขายที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในธุรกิจอื่น ๆ (ตลาดต่างประเทศ +9.2% yoy, ยอดขายของใช้ส่วนตัวในประเทศ +23.2% yoy) ในขณะเดียวกัน ยอดขายของใช้ส่วนตัวในประเทศฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากการฟื้นตัวของอุปสงค์หลังจากที่มีการผ่อนคลายมาตรการคุม COVID-19

 

เริ่มใช้กลยุทธ์การกำหนดราคาแบบ two-tier ตั้งแต่ปลาย 3Q

OSP เริ่มใช้กลยุทธ์การกำหนดราคาแบบ two-tier มาตั้งแต่ปลาย 3Q โดยบริษัทได้ปรับสูตร (อย่างเช่นเพิ่มส่วนผสมของน้ำตาล) และปรับขนาดของสินค้าบาง SKUs เป็นขวดละ 100 มล. พร้อมกำหนดราคาเป็นขวดละ 10 บาท เพื่อรองรับอุปสงค์ในตลาดที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะจัดโปรโมชั่น และกิจกรรมด้านการตลาดเพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนแผนธุรกิจใน 4Q โดยบริษัทคาดว่าส่วนแบ่งตลาด และปริมาณยอดขายจะฟื้นตัวขึ้นในปี 2023

 

 

แต่กลยุทธ์นี้อาจจะไม่ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ

การใช้ขวดที่มีขนาดแตกต่างกันจะทำให้ประสิทธิภาพการผลิตลดลง เนื่องจากคนงานต้องใช้เวลามากขึ้นเพื่อเรียนรู้และจัดการสายการผลิตของผลิตภัณฑ์ที่มีสูตรและขนาดแตกต่างกัน

 

คงคำแนะนำถือ และเพิ่มราคาเป้าหมาย DCF เป็น 28.5 บาท (จากเดิม 26 บาท)

ปรับลดประมาณการกำไรปี FY22F ลง 16% เหลือ 2.00 พันล้านบาท เพื่อสะท้อนสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกัน เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี FY23F ขึ้นอีก 4% เป็น 3.26 พันล้านบาท หลังจากที่ปรับเพิ่มสมมติฐานยอดขายจากการใช้นโยบายกำหนดราคาแบบ two-tier ทั้งนี้ ราคาเป้าหมายของคำนวณโดยวิธี DCF โดยใช้สมมติฐาน WACC ที่ 8.5% และ terminal growth rate ที่ 2%