BTG เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากราคาเนื้อสัตว์ที่สูง

BTG เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากราคาเนื้อสัตว์ที่สูง

ธุรกิจอาหาร และโปรตีนยังคงเป็นตัวหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโต

เราคาดว่ายอดขายของ BTG จะโตถึง 47% ในปี 2565F และ 16% ในปี 2566F แต่จะลดลงเล็กน้อย 1% ในปี 2567F เพราะเราคาดว่าราคาเนื้อสัตว์ที่แข็งแกร่งในปีนี้จะช่วยหนุนธุรกิจอาหารและโปรตีน (67%ของยอดขายในปี 2565F) อย่างไรก็ตาม ในปี 25666F และ 2567F ที่เราคาดว่าราคาเนื้อสัตว์จะทยอยขยับลดลงมาอยู่ระดับ new normal เราคาดว่ากำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของ BTG โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มี margin สูงอย่างเช่นผลิตภัณฑ์หมูและไก่เพื่อการส่งออก จะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของยอดขาย

 

Margin ที่ลดลงจะหักล้างไปบางส่วนกับการขยายกิจการ และต้นทุนที่ลดลง

ราคาหมูและไก่ที่คาดว่าจะลดลงจะฉุดให้ GPM ลดลงเหลือ 18.4% ในปี 2566F และ 16.4% ในปี 2567F จากที่คาดว่าจะอยู่ที่ 19.9% ในปี 2565F อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทมีแผนจะขยายกิจการ และลดต้นทุนลง เราจึงคาดว่าผลประกอบการของ BTG ในปี 2566F จึงน่าจะยังแข็งแกร่ง แต่อย่างไรก็ตาม เรายังมีมุมมองที่ระมัดระวังต่อแนวโน้มในปี 2567F และคาดว่ากำไรสุทธิจะลดลง 17% YoY เหลือ 6.35 พันล้านบาท

 

 

 

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2565F ขึ้นอีก 6% และปี 2566F ขึ้นอีก 9%

เมื่ออิงจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งใน 3Q65 และราคาหมูที่แข็งแกร่งใน 4QTD65 เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2565F ขึ้นอีก 6% เป็น 8.07 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการที่เราปรับเพิ่มประมาณการรายได้ขึ้นอีก 4% และปรับเพิ่มสมมติฐาน GPM ขึ้นอีก 60bps สำหรับแนวโน้มในปี 2566F เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิขึ้นอีก 9% เป็น 7.64 พันล้านบาท เนื่องจากเราปรับเพิ่มสมมติฐานราคาหมูขึ้นเป็น 95 บาท/กก. (จากเดิม 85 บาท/กก.) ซึ่งทำให้ i) สมมติฐานยอดขายเพิ่มขึ้น 8% ii) สมมติฐาน GPM เพิ่มขึ้น 40bps และ iii) สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายลดลง 20bps

 

Valuation & action

เรายังคงคำแนะนำถือ BTG โดยปรับลดราคาเป้าหมายปี 2566 ลงเหลือ 38.50 บาท จากเดิมที่ 45 บาท เพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มราคาเนื้อสัตว์ในประเทศที่ลดลงในอีกสองปีข้างหน้า เราประเมินราคาเป้าหมายโดยหักส่วนลดจากมูลค่าเหมาะสมในปี 2567F ด้วย WACC ที่ 5.1%

 

Risks

ความผันผวนของต้นทุนอาหารสัตว์ และราคาขายผลิตภัณฑ์, เศรษฐกิจชะลอตัวลง, เกิดโรคระบาดในสัตว์