MINT แนวโน้มระยะสั้นยังสดใส (18 พ.ย. 2565)

นำโดยผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของโรงแรมในยุโรป ขณะที่โรงแรมนอกยุโรปมีโมเมนตัมที่ฟื้นตัวขึ้นเช่นกัน โดยโรงแรมในยุโรปมี occupancy rate อยู่ที่ 73% ในเดือนตุลาคม เปรียบเทียบกับโรงแรมในมัลดีฟส์ที่ 47% และโรงแรมในประเทศไทยที่ 57% จากแนวโน้มความต้องการห้องพักโรงแรมสูงขึ้น และการฟื้นตัวของตลาด MICE (เช่น การจัดงานสัมมนา) เราคาดว่าผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมใน 4Q65F ยังคงมีแนวโน้มสดใส

 

ธุรกิจร้านอาหาร: SSSG แผ่วลงที่ +7.1% YoY

Same-store-sales growth (SSSG) เดือนตุลาคม แผ่วลงที่ +7.1% YoY (เทียบกับ +16.6% ใน 3Q22) กดดันจากร้านอาหารในประเทศจีนเป็นหลัก (SSSG: -16.5% เดือนตุลาคม 2565) จากมาตราการป้องกันโรคระบาด COVID-19 ขณะที่ SSSG ทั้งในประเทศไทยและประเทศออสเตรเลียยังเป็นบวกอยู่

 

คาดโมเมนตัมของกำไรใน 4Q65F ยังคงสดใส

เราคาดโมเมนตัมของกำไรใน 4Q65F จะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ หนุนจากทั้งธุรกิจโรงแรมในยุโรปที่แข็งแกร่ง และนอกยุโรปเข้าสู่ช่วง high season อย่างไรก็ตาม อาจมีปัจจัยกดดันจากร้านอาหารในประเทศจีน (คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15% ของรายได้จากธุรกิจอาหาร)

 

 

คาดปัจจัยลบจากเงินเฟ้อยังสามารถควบคุมได้

ผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อจากยังสามารถบริหารจัดการได้จากการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงล่วงหน้า (hedging contract) และศักยภาพของ MINT ในการขึ้น ARR ได้ (ผู้บริหารคาด ARR อาจปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 5% YoY ใน 2566F) ทั้งนี้ MINT ได้ทำการล็อกราคา 60% ของพลังงานที่คาดจะถูกใช้ในปี 2566F ไว้แล้ว

 

Valuation & action

เนื่องจากราคหุ้นสะท้อนปัจจัยลบไปบางส่วนแล้ว ขณะที่ประมาณการกำไรสุทธิเรา ปี 2565F อาจมี upside ดังนั้นเรายังคงแนะนำซื้อ MINT ราคาเป้าหมายที่ 33.50 บาท อิงจาก EV/EBITDA ปี 2566F ที่ 14.5x เท่ากับค่าเฉลี่ยระยะยาว -0.75SD

เนื่องจาก MINT มีภาระหนี้สินอยู่ในระดับสูง และมีสัดส่วนรายได้ที่มาจากยุโรปมากกว่าหุ้นในกลุ่มโรงแรมที่เราศึกษาอยู่ ความเสี่ยงที่ยังคงต้องเฝ้าระวังได้แก่ i) ภาวะเงินเฟ้อ ii) สภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบางในยุโรปปีหน้า และ iii) แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

 

Risks

ความไม่สงบทางการเมือง และ COVID-19 ระบาดนานเกินคาด