MAJOR ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง (11 พ.ย. 2565)

MAJOR ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง (11 พ.ย. 2565)

บริษัทยังคงเน้นให้ความสำคัญกับธุรกิจหลัก โดยคาดว่าจำนวนผู้เข้าชมภาพยนตร์จะฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 4Q65 เป็นต้นไป เพราะโปรแกรมหนังเด็ดทั้งจาก Hollywood และภาพยนตร์ไทย ทำให้จำนวนผู้ชมกลับไปอยู่ระดับ >80% ของจำนวนผู้ชมก่อน COVID ระบาดได้ในปี 2566

ทั้งนี้ ในขณะที่เราคาดว่าจำนวนผู้ชมกลับไปอยู่ระดับ 67% ของระดับสูงสุดในปี 2562 รายได้ใน 3Q65 สูงที่สุดในรอบสิบไตรมาสที่ 1.7 พันล้านบาท (+951% YoY, +5% QoQ) แบ่งเป็น i) ยอดขายตั๋วที่โตถึง >100% YoY แต่ลดลง 6% QoQ ii) ยอดขายเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวเพิ่มขึ้นถึง 383% YoY และ 10% QoQ iii) รายได้จากค่าโฆษณาเพิ่มขึ้น >100% YoY และ 24% QoQ iv) รายได้ที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ (โบว์ลิ่ง, ค่าเช่า และยอดขาย content) เพิ่มขึ้นถึง 306% YoY และ 39% QoQ

 

Margin น่าจะดีขึ้น

จากสัญญาใหม่ของ MJLF เราคาดว่าต้นทุนของบริษัทจะลดลงประมาณ 100 ล้านบาทต่อปีซึ่งสะท้อนถึงโครงสร้างต้นทุน ส่งผลให้ GPM โดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น 31.6% ใน 3Q65 (จาก -151.9% ใน 3Q64 และ 26.8% ใน 2Q65) หลังจากเริ่มรับรู้อานิสงส์ใน 3Q65 ทั้งนี้ เราคาดว่า margin ของเครื่องดื่ม และขนมขบเคี้ยวจะเพิ่มขึ้นเป็น >60% ซึ่งเป็นระดับก่อน COVID ระบาด (จาก 43% ใน 3Q65) เพราะมีการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายน้อยลง และ มี synergy กับ Taokaenoi Food & Marketing (TKNTB/TKN.BK) (ประหยัดต้นทุนการผลิตไปได้ ~50% และการจัดจำหน่าย) ซึ่งจะทำให้ประมาณการ GPM ของเรามี upside อีกในระยะต่อไป และทำให้เรามั่นใจมากขึ้นกับประมาณการปี 2566 ของเราที่3 3.8% อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเน้นลดค่าใช้จ่ายบุคลากรโดยใช้ระบบการจองตั๋วแบบไม่ใช้เงินสด และปรับปรุงระบบการดำเนินงานของเคาน์เตอร์ขายเครื่องดื่ม และขนมขบเคี้ยว

 

 

 

 

Valuation & Action

เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มกำไรที่คาดว่าจะดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ใน 4Q65 จากโปรแกรมหนังเด็ดที่รอเข้าฉาย (figure 3) และแนวโน้มการเติบโตอย่างยั่งยืนในปี 2566F (+190% YoY) จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นทุกระดับ เรายังคงคำแนะนำซื้อ และประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี 2566 ที่ 23.80 บาท

MAJOR ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง (11 พ.ย. 2565)

Risks

รายได้จากโรงภาพยนตร์ต่ำกว่าที่คาด