PTTGC - ผลการดำเนินงานของทุกกลุ่มธุรกิจอ่อนแอ

PTTGC - ผลการดำเนินงานของทุกกลุ่มธุรกิจอ่อนแอ

ขาดทุนสุทธิ 1.34 หมื่นลบ. (-2.97 บาท/หุ้น) ใน 3Q มากกว่าที่เราคาด

สาเหตุสำคัญที่ทำให้บริษัทขาดทุนหนักกว่าที่เราคาดไว้คือ GRM ต่ำเกินคาดที่ US$9.8 (เราคาดไว้ที่ US$10.0), ขาดทุนจากสต็อกหนักเกินคาดที่ 8.1 พันล้านบาท (เราคาดไว้ที่ 5.6 พันล้านบาท) และขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงมากเกินคาดที่ 2.1 พันล้านบาท (เราคาดไว้ที่ 2.0 พันล้านบาท) ในขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงกลั่นอยู่ที่ 100% จาก 98% ใน 2Q ทั้งนี้ PTTGC ได้รวมธุรกิจโรงกลั่น, olefins และ aromatics เป็นกลุ่มธุรกิจต้นน้ำ ซึ่งการดำเนินงานของ aromatic และ olefin อ่อนแอลง qoq ทำให้ EBITDA ลดลง 69% qoq (เหลือ 3.6 พันล้านบาท) และ EBITDA margin ลดลงมาอยู่ที่ 4% จาก 11% ใน 2Q ส่วน EBITDA ของธุรกิจ Polymer ลดลง 16% qoq เนื่องจากราคา PE เฉลี่ยลดลง 20% qoq เหลือ US$1,168/t ทำให้ EBITDA margin ของ polymer ทรงตัว qoq อยู่ที่ 10%  นอกจากนี้ PTTGC ยังมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 4.4 พันล้านบาท PTTGC จึขาดทุนสุทธิ 1.34 หมื่นลบ. (-2.97 บาท/หุ้น) จากที่มีกำไร 1.4 พันลบ.ใน 2Q.

 

คาดว่าการดำเนินงานจะดีขึ้นใน 4Q แต่ผลประกอบการจะยังอ่อนแออยู่

การดำเนินงานใน 4Q จะถูกขับเคลื่อนโดยราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และ GRM ที่เพิ่มขึ้น แต่ทั้งราคาและ spread ของปิโตรเคมีจะยังคงอ่อนแอ โดย PTTGC มีกำหนดจะปิดโรงกลั่นนาน 50 วัน, ปิดโรงงานหนึ่งในสามของกำลังการผลิต HDPE นาน 38 วัน และปิดโรงงาน PO นาน 56 วันใน 4Q ดังนั้น ถึงแม้บริษัทจะพลิกเป็นกำไรได้ ก็น่าจะยังต่ำอยู่

 

แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 50 บาท

คาด 3Q จะเป็นไตรมาสที่แย่ที่สุดแล้วของ PTTGC และคาดว่าผลประกอบการจะเร่งตัวขึ้นในปี 2023 เมื่อจีนผ่อนคลายมาตรการ lockdown ทั้งนี้ ราคาหุ้นในปัจจุบันคิดเป็น PBV ปี FY23F ที่ 0.6x เท่ากับค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง -2.0 S.D.