ติดตามเลือกตั้งสหรัฐ / เงินเฟ้อสหรัฐฯ / การปรับพอร์ตของ MSCI 

ติดตามเลือกตั้งสหรัฐ / เงินเฟ้อสหรัฐฯ / การปรับพอร์ตของ MSCI 

ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ รีพับริกันน่าจะชนะส.ส. แต่ส.ว.ยังก้ำกึ่ง ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ยังอยู่ระหว่างนับคะแนน ซึ่งล่าสุด มีความเป็นไปได้ว่ารีพับริกันจะชนะในสภาผู้แทนราษฎร (Rep 207: Dem 184/ ต้องการ 218 ที่นั่ง)

ขณะที่คะแนนของวุฒิสภายังก้ำกึ่ง (Rep 48: Dem 46 / ต้องการ 51 ที่นั่ง) สถานการณ์ ณ ขณะนี้ อย่างน้อยน่าจะเกิด Gridlock ทางการเมืองที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแนวนโยบาย หรือการดำเนินนโยบายของคุณไบเดน อาจไม่ราบรื่นเช่นในช่วง 2 ปีแรก โดยเฉพาะนโยบายเกี่ยวกับพลังงานสะอาด ทำให้นักลงทุนอาจต้องระวังความผันผวนระยะสั้นของหุ้นกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตาม การประกาศสัญญาซื้อขายไฟ 5200MW ที่จะแล้วเสร็จ 29 มี.ค.66 ยังเป็นปัจจัยบวกสำคัญของกลุ่มไฟฟ้าและพลังงานทดแทนในตลาดหุ้นไทย

 

ติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ และการปรับพอร์ตของ MSCI คืนนี้ Bloomberg concensus คาดเงินเฟ้อสหรัฐฯ ต.ค. ที่ 7.9% (ลดลงจาก ก.ย. ที่ 8.2%) ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา การรายงานเงินเฟ้อมักสูงกว่าคาดการณ์เล็กน้อยและทำให้ตลาดหุ้นปรับลดลง อย่างไรก็ตามรอบนี้เราคาดตลาดน่าจะตอบรับความกังวลเงินเฟ้อน้อยลง เนื่องจากดอกเบี้ยนโยบายที่ขึ้นสู่ระดับ 4% ในการประชุมรอบที่ผ่านมา ทำให้เหลือช่องว่างในการปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับสูงสุด (terminal rate) ที่ตลาดประเมินที่ 5.00-5.25% ไม่มากนัก // นอกจากนี้ติดตามการปรับพอร์ต (rebalancing) ของ MSCI คืนนี้ ที่คาด TLI อาจถูกนำเข้าคำนวณ นอกจากนี้ ไทยอาจถูกปรับเพิ่มน้ำหนักหลังราคาหุ้น Outperform ตลาดอื่นในภูมิภาคในช่วงที่ผ่านมา
 

รีพับริกันมีโอกาสชนะสภาล่าง เป็นบวกกับจิตวิทยาการลงทุน โดยสถิติ 12 เดือน หลังหลังการเลือกตั้งกลางเทอม ตลาดหุ้นสหรัฐฯมักให้ผลตอบแทนที่ดี เฉลี่ย 20.1% ขณะที่ พรรครีพับริกัน มักมีนโยบายที่เป็นมิตรกับนักลงทุนมากกว่า ทำให้หากพรรครีพับริกันชนะ ตลาดหุ้นมักจะขึ้นมากกว่า โดยมีค่าเฉลี่ยผลตอบแทน 12 เดือน (Republican +17.5% vs Democrat +13.7%) และที่ค่าเฉลี่ย 24 เดือน (Republican +36.3% vs Democrat +22.1%) ทั้งนี้ผลการนับคะแนนล่าสุดถึง 9.00 น. (เวลาไทย) จำนวนที่นั่งสภาล่าง รีพับริกัน 65 ตำแหน่ง เดโมแครด 30 ตำแหน่ง (ต้องการ 218 ตำแหน่งเพื่อครองเสียงข้างมาก)

 

ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัวลง หลังยังไม่ผ่านแนวต้าน 1,635-1,640 จุด กลยุทธ์ในภาพใหญ่ไม่เปลี่ยน คือ รอเลือกซื้อกลุ่มหุ้นเปิดเมือง ระยะสั้นกลุ่มที่ลงเยอะ (อาทิ ไฟแนนซ์) มีโอกาสเป็นเป้าหมายเก็งกำไร ส่วนอสังหาริมทรัพย์ ข่าวรัฐบาลถอนร่างขายที่ดินให้ต่างชาติกระทบระยะสั้น แต่เป็นโอกาสซื้อจากงบเข้า high season //หุ้นแนะนำ: MINT*, UV*, FLOYD*, PTL*

แนวรับ: 1,605-1,614 / แนวต้าน : 1,635-1,640 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 

 

 

ประเด็นการลงทุน
 

สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยลดลง – ลดลง 0.1% ในสัปดาห์ที่แล้ว หลังการดีดตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง

EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น สวนทางคาดการณ์ – เพิ่มขึ้น 3.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 700,000 บาร์เรล

EIA หั่นคาดการณ์ผลผลิตน้ำมันดิบสหรัฐในปีหน้า - กำลังการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐคาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 480,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 12.31 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยลดลง 21% จากระดับที่คาดไว้ก่อนหน้าจะเพิ่มขึ้น 610,000 บาร์เรลต่อวัน  

บอร์ด กสทช.อนุมัติเงิน 600 ลบ.ให้กกท.ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายบอลโลก – มีมติอนุมัติสนับสนุนเงินงบประมาณแก่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย (FIFA World Cup Final) 2022 ตามจำนวนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง แต่ทั้งนี้ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณ 600 ล้านบาท 

ดัชนีเชื่อมั่นที่พักแรมต.ค.ดีขึ้น – แบงก์ชาติเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรมเดือน ต.ค.65 พบว่า อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 49% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน เนื่องจากมีช่วงวันหยุดยาวและเป็นช่วงปิดเทอม ประกอบกับมีการใช้สิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกันในเดือนสุดท้าย รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทยอยเข้ามาเพิ่มมากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าอัตราการเข้าพักเดือน พ.ย.65 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 52%

ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯเพิ่มต่อเนื่อง - ส.อ.ท. เผยดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ต.ค. 65 อยู่ที่ระดับ 93.1 เพิ่มขึ้นจาก 91.8 ในเดือนก.ย. โดยเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน

กลุ่มประกัน – มีโอกาสรายงานกำไรไตรมาส 3/65 ต่ำคาดจากรายได้จากการลงทุนที่ลดลง ซึ่งเป็นผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจการลงทุนของโลก ดังนั้นผู้สนใจอาจเน้นรอซื้อหลังประกาศผลประกอบการ หรือเลือก TLI ที่อาจถูกนำเข้าคำนวณ MSCI

 

ประเด็นติดตาม: 10 พ.ย. – US CPI / 15 พ.ย. – US PPI / 16 พ.ย. – US Retail Sales / 17 พ.ย. – EU CPI, US Building Permits / 18 พ.ย. –US Existing Home Sales

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)