SPA - 2Q65 กำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและ 2H65 กลับมาเติบโต

SPA - 2Q65 กำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและ 2H65 กลับมาเติบโต

บริษัทสปาแห่งเดียวที่จดทะเบียนในตลาด MAI : ดำเนินธุรกิจสปาเพื่อสุขภาพภายใต้ 5 แบรนด์ดังนี้ 1) RarinJinda Wellness Spa บริการสปาระดับ 5 ดาว  2) Let’s Relax บริการสปาระดับ 4 ดาว 3) บ้านสวน มาสสาจ บริการสปาระดับ 3 ดาว 4) Stretch me by Let’s Relax บริการยืดคลายกล้ามเนื้อเพื่อสุขภาพ

และ 5) Dr. Spiller Pure Skin Care Solution บริการสปาดูแลผิวหน้า มีสาขาทั้งหมด 67 สาขา โดยมีรายได้ปี 62-6M65 อยู่ที่ 1,403 ลบ. 436 ลบ. 175 ลบ. และ 248 ลบ. ตามลำดับและผลประกอบการปี 62-6M65 กำไร 242 ลบ. ขาดทุน 209 ลบ. ขาดทุน 287 ลบ. และขาดทุน 87 ลบ. ตามลำดับ ทั้งนี้ ผลประกอบการขาดทุนตั้งแต่ปี 63 เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้มีการประกาศ ล็อกดาวน์ประเทศและการเว้นระยะห่างทำให้ธุรกิจต้องหยุดบริการชั่วคราว

SPA - 2Q65 กำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและ 2H65 กลับมาเติบโต

-  รายงานขาดทุน 2Q65 ที่ 29 ลบ. ลดลงจากขาดทุนใน 2Q64 และ 1Q65: รายงานรายได้ 2Q65 ที่ 134 ลบ.+336%YoY และ +17%QoQ โดยได้แรงหนุนจากภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 ตั้งแต่ 4Q64 ส่งผลให้ผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ โดยมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เดือนม.ค.65 ที่ 1.34 แสนคนสู่ 1.17 ล้านคนในเดือน ส.ค. 65 ทำให้ลูกค้าชาวต่างชาติ อาทิ อินเดีย ตะวันออกกลาง ยุโรป และสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ด้านอัตรากำไรขั้นต้นพลิกกลับเป็นบวกที่ 8% เป็นไตรมาสแรกตั้งแต่ 2Q63 ที่มีการแพร่ระบาด COVID-19 ในไทย อย่างไรก็ตามบริษัทรายงานขาดทุน 29.2 ลบ. ลดลงจากผลขาดทุน  xx ล้านบาทใน 2Q64  และขาดทุน xx ล้านบาทใน 1Q65 เนื่องจากค่าเสื่อมราคาและค่าเช่าเป็นต้นทุนคงที่กดดันผลประกอบการ ทั้งนี้บริษัทมีผลขาดทุน 1H65 ที่ 86.7 ลบ. ลดลงจาก 1H64 ที่ 47% และคิดเป็น 73%ของประมาณการปี 65

-  2H65 เตรียมเปิดสาขาใหม่ 3 สาขา และเปิดธุรกิจ Sleeping Clinic : การเปิดสาขาใหม่ 3 สาขาใน 4Q65 ที่ สามย่านมิตรทาวน์ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และเทอร์มินอล 21 พระราม 3 เป็นสัญญาณดี เนื่องจากก่อนหน้านี้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทติดลบตั้งแต่ 2Q63 แต่ปัจจุบันพลิกกลับมาเป็นบวกแล้ว อีกทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยยังเพิ่มขึ้นต่อ คาดว่าปี 65 และ 66 จะมีนักท่องเที่ยวราว 9.68 ล้านคนและ 13.7 ล้านคนเติบโตอย่างมีนัยสำคัญและ 42%YoY ตามลำดับ นอกจากนี้บริษัทได้ขยายธุรกิจไปยัง Sleeping Clinic ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าระหว่าง SPA และ Amara Asia ในสัดส่วน 51:49 เพื่อให้บริการกัญชาเพื่อการนอนหลับใน 4Q65 เป็นปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการ

-  คาดปี 65 ยังขาดทุนแต่คาดว่าปี 66 พลิกกลับมาเติบโตแรง : ฝ่ายวิจัยคาดปี 65 ยังคงขาดทุนเนื่องจากนักท่องเที่ยว ณ ส.ค. 65 อยู่ในระดับราว 35% ของระดับก่อนการแพร่ระบาด COIVD-19 อีกทั้งถูกกดดันจากค่าเสื่อมราคาและค่าเช่าพื้นที่ที่เป็นต้นทุนคงที่และปรับลดได้ยาก เราคาดว่าปี 65 จะมีรายได้อยู่ที่ 623 ลบ. +256%YoY (1H65 มีรายได้ 248 ลบ. และคิดเป็น 40% ของประมาณการ) ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นทั้งปี 65 ยังติดลบ แต่ 2H65 จะพลิกกลับมาบวกที่ราว 15% ด้านอัตรส่วนาค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้คาดว่าจะลดลงจาก 64.3% มาอยู่ที่ราว 20.7% เนื่องจากรายได้ปี 64 ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด COVID-19 ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายคงที่ หากพิจารณาเป็นตัวเงินปรับเพิ่มขึ้น 21.1 ลบ. เพิ่มขึ้น 19.6%YoY สู่ 128.9 ลบ. ทั้งนี้ เราคาดว่าบริษัทจะมีผลขาดทุนในปี 65 ราว 119 ลบ. สำหรับปี 66 เราคาดว่ารายได้และกำไรจะอยู่ที่ราว 1,012 ลบ. และ 180 ลบ. เติบโต 62%YoY และ 251%YoY ตามลำดับ โดยได้รับแรงหนุนจากนักท่องเที่ยวปี 66 จะกลับมาเติบโต 42%YoY สู่ 13.7 ล้านคน และการเปิดกิจการร่วมค้าเพื่อทำ Sleeping Clinic 

- เริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” ราคาเหมาะสมปี 66 ที่ 10.80 บาท : ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าด้วยวิธี Prospective P/E โดยอ้างอิง P/E Ratio เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีพร้อมปรับเพิ่มด้วย 0.25 S.D. (เนื่องจากผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและจะกลับมาทำกำไรในปี 66) ที่ 51.2 เท่า และคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 66 ที่ 0.21 บาทได้ราคาเหมาะสม 10.80 บาท ซึ่งใกล้เคียงราคาปิดล่าสุดเราจึงแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” 

 

ปัจจัยเสี่ยง

i)    จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยต่ำกว่าคาดการณ์
ii)    เศรษฐกิจชะลอตัวทำให้ประชาชนลดการใช้จ่าย