ลุ้นทดสอบ 1,600 หุ้นรายงานพิเศษ AMARC (19 ต.ค. 2565)

ลุ้นทดสอบ 1,600 หุ้นรายงานพิเศษ AMARC (19 ต.ค. 2565)

วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวขึ้นถึง +19 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐ โดยมีแรงซื้อเข้ามาใน หุ้น Big Cap. เช่น กลุ่มค้าปลีก พลังงาน ขนส่ง เป็นการซื้อกลับในหุ้นหลายตัว ที่ปรับตัวลงมามากในช่วงก่อนหน้า

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,590.36 จุด +18.96 จุด +1.21% มูลค่าการซื้อขาย 63,968 ลบ. ต่างชาติ +419.62 ลบ. TFEX +24,582 สัญญา ตราสารหนี้ -2,860.08 ลบ.

 

ปัจจัยบวก

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิด เพิ่มขึ้น 337.98 จุด +1.12% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์ และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และการเปิดเผยตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐที่ขยายตัวได้ดีเกินคาด
+ รายงานของเฟด ระบุว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.1% หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนส.ค. โดยตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวม เป็นการวัดการปรับตัวของภาคโรงงาน, เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค
+ ครม.เห็นชอบให้ยกเว้นการแสดงใบรับรองแพทย์และการต้องมารับใบอนุญาตทำงาน สำหรับคนต่างด้าวที่ได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ ประเภทผู้พำนักระยะยาว
+ อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (AWS) ประกาศแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ มูลค่ามากกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 190,000 ล้านบาท ในประเทศไทย ภายในระยะเวลา 15 ปี

 

ปัจจัยลบ

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 2.64 ดอลลาร์ -3.1% ปิดที่ 82.82 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่าสหรัฐเตรียมระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน คาดการณ์สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สอง และความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน
- ผู้บัญชาการกองทัพรัสเซียประจำแคว้นเคอร์ซอนเตรียมสั่งอพยพประชาชนบางส่วนออกจากแม่น้ำดนิโปรโดยอ้างว่า มีความเสี่ยงว่ากองทัพยูเครนจะยิงถล่มจนสร้างความเสียหายต่อเขื่อนใกล้เคียง
 

 

- นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์เกือบ 100% ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนพ.ย. หลังการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่สูงเกินคาด
- ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดต่อและโรคภูมิแพ้แห่งชาติสหรัฐ (NIAID) ประกาศเตือนชาวอเมริกันว่า ไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ BQ.1 และ BQ.1.1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยของ BA.5 ถือเป็น 2 สายพันธุ์ของโควิด-19 ซึ่งมีความอันตราย
- ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโกลด์แมน แซคส์ กล่าวเตือนว่าสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งจะทำให้การตัดสินใจด้านการลงทุนและทำธุรกิจเป็นไปอย่างยากลำบากมากขึ้น

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ โดยมีแรงหนุนจากการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐที่ขยายตัวได้ดีกว่าตลาดคาด ประกอบกับเงินบาทเริ่มชะลอกการอ่อนค่า ส่งผลให้ Fund Flow นักลงทุนต่างชาติชะลอการไหลออก คาดกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,580-1,600 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• หุ้นซ่อมแซมหลังน้ำท่วม : GLOBAL DOHOME HMPRO TOA DPAINT COTTO DCC TASCO
• ศบค. มีมติยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน : ERW CENTEL VRANDA ASAP SPA
• ตัวเลขส่งออกเดือน ส.ค. เติบโต : BRR KSL TFG GFPT ASIAN
• หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT BBL KBANK

 

หุ้นรายงานพิเศษ

                                                               AMARC (mai / Service)
                                                   IPO 2.90 บาท ราคาเหมาะสม 3.60 บาท

กำไรปี 2562-64 เติบโตเฉลี่ย CAGR 17% ต่อปี ส่วนงวด 6M65 โต 16%YoY รายได้รวมช่วงปี 2562-64 เท่ากับ 198 ลบ. 220 ลบ. และ 249 ลบ. ตามลำดับ เติบโตเฉลี่ย CAGR 12% ต่อปี ส่วนงวด 6M65 มีรายได้ 132 ลบ. +8.3%YoY โดยหลักเติบโตจากงานบริการตรวจวิเคราะห์ผัก-ผลไม้เพื่อการส่งออก และการว่าจ้างงานตรวจวิเคราะห์เพิ่มของลูกค้าเอกชนรายใหญ่ ส่งผลให้ช่วงปี 2562-64 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 18.2 ลบ. 28.4 ลบ. 24.9 ลบ. ตามลำดับ เติบโตเฉลี่ย CAGR 17% ต่อปี และงวด 6M65 มีกำไรสุทธิ 12.7 ลบ. +16%YoY

คาดผลประกอบการปี 2565-66 เติบโตเฉลี่ย CAGR 50.5% ต่อปี เราคาดการณ์รายได้ในช่วงปี 2565-66 ราว 299 ลบ. และ 357 ลบ. ตามลำดับ เติบโตเฉลี่ย CAGR 20.5% ต่อปี โดยมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตจาก 1) ขยายขอบข่ายการให้บริการตรวจ อาทิ กลุ่มสมุนไพรกัญชง-กัญชา 2) ขยายกำลังการให้บริการจากการเพิ่มเครื่องมือ บุคลากร และขยายสาขาสำนักงาน และ 3) จำหน่ายสินค้าวิทยาศาสตร์สาหรับผู้บริโภคทั่วไป ขณะที่ %GPM คาดปรับดีขึ้นมาที่ระดับ 44.5%-45.0% จากปี 64 อยู่ที่ระดับ 43.5% ส่วน %SG&A ปรับลดมาที่ระดับ 28.5% จากปี 64 อยู่ที่ระดับ 30.2% จาก Economies of Scale ส่งผลให้เราคาดผลประกอบการในช่วงปี 2565-66 ราว 39 ลบ. +57%YoY และ 56 ลบ. +44%YoY ตามลำดับ หรือเติบโตเฉลี่ย CAGR 50.5% ต่อปี

ราคา IPO 2.90 บาท Trailing PE = 45.72x จานวน IPO = 120 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าระดมทุนราว 332.1 ลบ. (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) จัดซื้อเครื่องมือวิทยาศาสตร์สาหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ 2) จ่ายคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และ 3) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2566 ที่ 3.60 บาทต่อหุ้น บนสมมติฐาน Prospective PE 26.7x เท่ากับค่าเฉลี่ยกลุ่มที่เกี่ยวข้อง

 

   **Globlex Securities เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ซึ่งจะได้รับค่าธรรมเนียมในฐานะผู้จัดจำหน่าย

 

หุ้นมีข่าว

(+) EA ( Bloomberg Consensus 100.00 บาท) เปิดตัวรถกระบะไฟฟ้า 100% ราคาจูงใจเริ่ม 7.48 แสนบาท วิ่ง 200 โล ชาร์จไว เปิดจองงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ชูลดต้นทุน เป้า 3 พันคัน รับกว่า 2 พันล้านบาท ย้ำไตรมาส 4/2565 ผลประกอบการทำนิวไฮ ส่งมอบรถอีบัสทั้งปี 1 พันคัน ผลงานโตตามเป้า 20% ปีหน้าเติบโตต่อ มีคิวส่งมอบรถอีบัสมากกว่า 2-3 พันคัน เดินหน้าขยายแบตเตอรีเป็น 4GW (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SAMART ( Bloomberg Consensus - บาท) เล็งยื่นไฟลิ่งบริษัทลูก SAV เข้าตลาดหุ้นไทย หวังปลดล็อกมูลค่า-เสริมแกร่งระยะยาว คาดชัดเจนต้นปีหน้า ปักธงปี 2566 รายได้ทะยาน 25-30% รับท่องเที่ยวรุ่ง-โครงการเรียงคิวรับทรัพย์อื้อ ส่วนปีนี้ผลงานพลิกเป็นบวก อานิสงส์ทุกธุรกิจฟื้นแรง ที่มา ทันหุ้น)

(+) ILINK (Bloomberg consensus 11.50 บาท) จ่อเซ็นสัญญางานวางสายเคเบิลใต้น้ำเกาะเต่า มูลค่ากว่า 1,786.17 ล้านบาท ภายในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ คาดรับรู้รายได้ในปีประมาณ 5-8% ประกอบกับอัตรากำไรที่เป็น Double Digit จึงเชื่อมั่นว่าในอนาคตอันใกล้ ILINK จะสามารถขึ้นแท่นครองตลาดเคเบิลใต้น้ำได้แข็งแกร่งที่สุด (ที่มา ทันหุ้น)

(-) ADVANC (+) JASIF กองทุน JASIF ประชุมผู้ถือหน่วยฯ ช่วงเริ่มต้นประท้วงกันฝุ่นตลบก่อนโหวตคว่ำวาระ 1.2 (ซึ่งเกี่ยวข้องกับการแก้ไขสัญญาค่าเช่าโครงข่าย) คิดเป็น 69.1% ไม่ถึง 3 ใน 4 ของสิทธิในการโหวต ส่วนวาระ 1.1 และ 1.3 (เปลี่ยนตัวผู้สนับสนุนจาก JAS เป็น AWN) ผ่านฉลุย ด้านบลจ.บัวหลวง เตรียมแจ้งผลการประชุมไปยัง ADVANC เพื่อตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป(ที่มา ข่าวหุ้น)

เป็น Sentiment เชิงลบต่อ ADVANC ซึ่งหากมีการแก้ไขสัญญาค่าเช่าโครงข่ายจะทำให้ ADVNAC มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ในส่วนของ JASIF เราคาดว่าน่าจะมีแรงเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากมีโอกาสได้เงื่อนไขค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้สามารถจ่ายปันผลได้ในอัตราที่ดีขึ้น