FPI “ออเดอร์แน่น” คาดผลประกอบการช่วง 2H65 เติบโตต่อเนื่องทำ New High

FPI “ออเดอร์แน่น” คาดผลประกอบการช่วง 2H65 เติบโตต่อเนื่องทำ New High

บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ FPI: บริษัท เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่ผลิตจากพลาสติก และเป็นศูนย์รวมในการจำหน่าย ทั้งชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ทดแทน (Replacement Equipment Manufacturer: REM)

และชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ภายใต้ตราสินค้าของค่ายรถยนต์ต่างๆ (Original Equipment Manufacturer: OEM) รวมทั้งให้บริการรับจ้างฉีดขึ้นรูป ชุบ และพ่นสีผลิตภัณฑ์พลาสติก โดยช่วง 6M65 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากภายในประเทศ 14% และจากการส่งออก 86% ของรายได้รวม

 

•    กำไรงวด 2Q65 เท่ากับ 102 ลบ. +66%YoY -3%QoQ: งวด 2Q65 มีรายได้ 653 ลบ. +19%YoY +11%QoQ เติบโตต่อเนื่องจากกลุ่มลูกค้าในทวีปเอเชียและตะวันออกกลาง และจากบริษัทลูกที่อินเดีย ซึ่งฟื้นตัวตามอุตสาหกรรมยานยนต์โลก นอกจากนี้ ยังได้รับผลบวกจากเงินบาทที่อ่อนค่าลง ประกอบกับวัตถุดิบหลักส่วนใหญ่ซื้อภายในประเทศ (อาทิ เม็ดพลาสติก) ทำให้ %GPM ปรับดีขึ้นสู่ 29.45% (2Q64 = 25.04%, 1Q65 = 27.23%)  อย่างไรก็ตาม บริษัทมีค่าใช้จ่ายจากการขาดทุนตราสารอนุพันธ์ 4 ลบ. จากงวด 1Q65 มีกำไรจากรายการดังกล่าว 13 ลบ. ทำให้งวด 2Q65 กำไร 102 ลบ. +66%YoY -3%QoQ โดย 1H65 มีกำไร 207 ลบ. +74%YoY คิดเป็น 45% ของประมาณการทั้งปี 65 ที่ราว 464 ลบ.
 

•    คาดผลประกอบช่วง 2H65 เติบโตต่อเนื่องทำ New High: เราคาดการณ์รายได้ปี 65 ราว 2,642 ลบ. เติบโตทำ New High จากออเดอร์ในปัจจุบันที่ค่อนข้างแน่น ประกอบกับ 2H65 เป็นช่วง High Season โดยในปีนี้บริษัทเซนต์สัญญาในการผลิตชิ้นส่วนโมเดลใหม่หลายราย (OEM) อาทิ First-Tier TOYOTA, Ford, ETRANS, HG Robots และ THAIYARNYON เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทลูกที่อินเดีย คาดจะพลิกมีกำไรภายในปีนี้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากออเดอร์ EV Scooter ที่ได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนของรัฐบาลอินเดีย โดยออเดอร์ดังกล่าวจะเริ่มผลิตในช่วง 3Q65 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลงอีก จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนยอดขายและ %GPM โดยเราคาด %GPM ปี 65 ที่ระดับ 29.7% เติบจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับ 23.3% ทั้งนี้ ปัจจุบัน %U.Rate กลุ่ม Injection อยู่ที่ราว 87% ซึ่งใกล้เต็ม Capacity แล้ว โดยบริษัทมีแผนเพิ่มเครื่องจักรในประเทศอีก 5 เครื่อง และในอินเดียอีก 3 เครื่อง ซึ่งทยอยเข้ามาติดตั้งตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค.65 เป็นต้นไป โดยจะใช้งบลงทุนทั้งหมดราว 60 ลบ. จากกระแสเงินสดของบริษัท เพื่อรองรับออเดอร์ที่เร่งขึ้น โดยเราคาดการณ์กำไรปี 65 ราว 464 ลบ. +41%YoY เติบโตทำ New High

 

•    เริ่มต้นด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเหมาะสมปี 65 ราว 4.60 บาท: เราประเมินราคาเหมาะสม FPI ในปี 65 โดยอิง Prospective PER ที่ระดับ 15x เท่ากับค่าเฉลี่ยกลุ่ม ประกอบกับคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 65 ราว 0.31 บาท/หุ้น คำนวณเป็นราคาเหมาะสมปีนี้ราว 4.60 บาท โดยราคาหุ้นมีอัพไซต์จากราคาปัจจุบันกว่า 21% และจ่ายปันผลในอัตราราว 3-4% ต่อปี เราจึงเริ่มต้นด้วยคำแนะนำ “ซื้อ”

 

 

 

 

ปัจจัยเสี่ยง

(i)  อุตสาหกรรมยานยนต์โลกชะลอตัวลง
(ii)  ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
(iii) ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ อาทิ เม็ดพลาสติก