SCGP ทิ้งเรื่องแย่ๆไว้ข้างหลัง (28 ก.ย. 2565)

SCGP ทิ้งเรื่องแย่ๆไว้ข้างหลัง (28 ก.ย. 2565)

ประเด็นสำคัญที่ได้จาก site visit ที่ Inspired Solutions Studio & โรงงาน Fiber packaging ที่ นวนคร

มุ่งธุรกิจบรรจุภัณฑ์ปลายนํ้า

เราไป site visit SCGP และพบว่าบริษัทกำลังมุ่งขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ปลายน้ำ (consumer & performance packaging unit) และธุรกิจ solutions ซึ่งให้ผลตอบแทนเหนือกว่ากลุ่มธุรกิจอื่น ๆ นอกเหนือจากการให้ความสำคัญกับธุรกิจบรรจุภัณฑ์ปกติ ทั้งนี้ สินค้าบรรจุภัณฑ์ของบริษัท อยู่ในสิ่งที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน อย่างเช่น FMCG, อาหารและเครื่องดื่ม และเวชภัณฑ์ ถึงแม้ว่ารายได้กว่า 70%ของบริษัทจะเกี่ยวข้องกับผู้บริโภค แต่ธุรกิจ product solutions มีการกระจายตัวของทั้งกลุ่มสินค้า และแบรนด์ ซึ่งทำให้มีการกระจายความเสี่ยงดีในภาวะที่เศรษฐกิจแกว่งตัว

 

คาดว่าผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวได้ดีในช่วงต่อไป

เรามองว่าการขึ้นค่า Ft และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะส่งผลกระทบจำกัดกับผลประกอบการของ SCGP เพียงเล็กน้อย เพราะปกติแล้ว ต้นทุนค่าไฟฟ้าคิดเป็นสัดส่วนเพียง 2% ของ COGS และคาดว่าต้นทุนส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นเพียง 4 ล้านบาทต่อเดือนเท่านั้น ขณะเดียวกันการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-8% กระทบกับต้นทุนของ SCGP น้อยมาก เพราะบริษัทจ่ายค่าจ้างให้พนักงานส่วนใหญ่สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว และมีการนำระบบ automation มาใช้เพิ่มด้วย เราคิดว่านักลงทุนน่าจะหันมาให้ความสนใจแนวโน้มขาลงของกระดาษรีไซเคิล (AOCC) ดัชนีค่าระว่างตู้คอนเทนเนอร์ (SCFI) และ ราคาถ่านหิน (ICI4) ซึ่งถูก
กดดันจากอุปทานที่เพิ่มขึ้น และความกังวลเศรษฐกิจถดถอย ขณะเดียวกันอุปสงค์บรรจุภัณฑ์ของ SCGP น่าจะยังแข็งแกร่งจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศเติบโตใหม่ และการปรับขึ้นราคาขายสินค้า

 

 

 

ผลประกอบการจะเริ่มฟื้นตั้งแต่ 2H65F

เรายังเชื่อว่าช่วงที่เลวร้ายที่สุดผ่านพ้นไปแล้วใน 4Q64 โดยมองว่าผลประกอบการใน 2H65 จะฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งทั้ง HoH และ YoY โดยเฉพาะใน 4Q65F เราคาดว่าต้นทุนวัตถุดิบ พลังงาน และค่าระวางขนส่งจะลดลงใน 4Q65 โดยมีช่วงเหลื่อมเวลา (lag time) 2-3 เดือนจากราคาตลาด นอกจากนี้ เรายังคาดว่าอุปสงค์จะเพิ่มขึ้น และปรับขึ้นราคาขายด้วย ทั้งนี้ spread ในตลาดของกระดาษบรรจุภัณฑ์เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2565 เพิ่มเป็น US$265/Ton จาก US$245/Ton ใน 2Q65 เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักใน 3Q65F จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ และ YoY จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และราคาขายสินค้าที่สูงขึ้น เราจะทำการอัพเดตประมาณการกำไรของเราอีกครั้งหลังจากร่วม con call วันที่ 11 ตุลาคม 2565

 

Valuation and action

เรายังคงราคาเป้าหมาย DCF ปี 2566 เอาไว้เท่าเดิมที่ 65 บาท เรามองว่าราคาหุ้นที่ร่วงลงมาในช่วงนี้เป็นเพราะภาวะตลาดอ่อนแอ ซึ่งถือเป็นโอกาสในเข้าซื้อ เรามองว่าราคาหุ้นมี downside จำกัดเพราะคาดว่าต้นทุนจะลดลง ในขณะที่อุปสงค์ยังแข็งแกร่ง ดังนั้น เราจึงคิดว่า SCGP เป็นหุ้นที่เข้าได้กับทั้งธีม reopening, consumer-linked และ anti-commodity

 

Risks

ความผนผวนของต้นทุนวัตถุดิบ และพลังงาน, การด้อยค่าจาก M&As, และความเสี่ยงของประเทศที่ไปลงทุน