Power Sector ตัวเลือกที่ดีสำหรับปี 2566

Power Sector ตัวเลือกที่ดีสำหรับปี 2566

PDPs ฉบับใหม่ของไทย และเวียดนามจะคลอดใน 4Q65 (ร่าง พรบ. สุดท้าย เดือน ต.ค. สำหรับไทย) เราคิดว่าแผน PDP ฉบับใหม่จะสร้างภาวะตลาดเชิงบวก และเป็นปัจจัยกระตุ้นการเติบโตในระยะยาว

เราคาดว่าจะเห็นการเปลี่ยนผ่านสู่โครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียน (RE) (เริ่ม SCOD ในปี 2567) เราคิดว่าผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่จะได้เปรียบในการประมูล แต่มองว่า upside จะจำกัด เพราะโครงการเล็กกระจัดกระจาย ในขณะที่ผลตอบแทนอาจจะลดลง โดยเฉพาะโครงการในประเทศไทย แต่ในอีกด้านหนึ่ง ถึงแม้เราจะคาดว่าผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กจะมีอัตราการชนะประมูลต่ำกว่า แต่กลับมี upside เยอะ เพราะฐานกำลังการผลิต และฐานกำไรที่ต่ำ ทั้งนี้ เราคาดว่ากลุ่มหลักที่จะได้อานิสงส์จากแผน PDP ฉบับใหม่ในไทยที่เน้น RE ได้แก่ Sermsang Power (SSP.BK/SSP TB) (คาดว่าจะได้ประโยชน์มากที่สุด) รองลงมาคือ Absolute Clean Energy (ACE.BK/ACE TB)* และ BCPG (BCPG.BK/BCPG TB)*

 

Carbon credit – อาจจะเป็น S-curve ตัวใหม่ โดยเฉพาะผู้เล่นในกลุ่มพลังงานหมุนเวียน (RE)

เราเห็นศักยภาพเติบโตในระยะยาวจากการขาย carbon credit ซึ่งไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น เมื่อเทียบกับประเทศผู้นำในกลุ่ม EU โดยเราคาดว่าผู้เล่นในกลุ่ม RE จะได้อานิสงส์จากประเด็นนี้ ทั้งนี้ ประเทศไทยมีกำหนดจะเริ่มเปิดตลาดซื้อขาย carbon credit (FTIX) ใน 4Q65 (จากเดิมที่เป็นการเจรจากันเองแบบ case-by-case) ซึ่งจะเป็นการซื้อขายภายในประเทศ ก่อนที่จะขยายไปสู่ตลาดระหว่างประเทศ ราคา carbon credit เฉลี่ยของประเทศไทยพุ่งสูงขึ้นเป็น 107 บาท/tCO2e ในปี 2565 (จาก 26 บาทในปี 2563 และ 34 บาทในปี 2564) ซึ่งยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที่ ~1,400 บาท/CO2e แต่มูลค่าธุรกรรม carboncredit สะสมในปัจจุบันยังต่ำอยู่ (Figure 9) เราคิดว่ายิ่งมีการใช้ข้อกำหนดด้านมลพิษอย่างเข้มงวด และเร็วมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งส่งผลดีต่อผู้เล่นในกลุ่ม RE มากเท่านั้น ทั้งในแง่ของราคาและปริมาณยอดขาย

Power Sector ตัวเลือกที่ดีสำหรับปี 2566

 

 

ผลประกอบการจะกลับมาแข็งแกร่งในปี 2566

เราคาดว่ากำไรหลักหของกลุ่มจะฟื้นตัวขึ้นเด่น นำโดย SPP รายหลัก ขณะเดียวกัน เราคาดว่า Gulf Energy development (GULF.BK/GULF TB)* และ Ratch Group (RATCH.BK/RATCH TB)* จะเติบโตอย่างน่าประทับใจจากโครงการที่อยู่ใน pipeline โดยปัจจัยขับเคลื่อนของกลุ่มฯคือ ราคาพลังงานขาลง, ค่า Ft ที่สูงขึ้น และ โครงการใหม่ ๆ เราเชื่อว่าราคาขายไฟฟ้าจะยังอยู่ในขาขึ้น แม้ราคาก๊าซจะกลับทิศในปี 2566 จากช่วงเหลื่อมเวลา ทั้งนี้จากราคาพลังงานที่ลดลงช้า เราจึงคิดว่าเป็นเรื่องยากที่ราคาขายปลีกไฟฟ้าจะกลับไปต่ำกว่า 4.00 บาท/kWh (จาก 4.72 บาท ในปัจจุบัน) ได้อีกในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

 

Valuation and action

เรายังคงเลือก GULF เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มเนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่เหนือกว่าหุ้นอื่นในกลุ่ม เรามองว่าแผน PDPs ฉบับใหม่, กำไรกลุ่มที่จะแข็งแกร่งในปี 2566F, ราคาพลังงานที่ลดลง, carbon credit, ปัจจัยบวกจากภายนอก (ราคาน้ำมันลดลง, อัตราแลกเปลี่ยน USD/THB และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร) จะยังคงเป็นปัจจัยกระตุ้นที่แข็งแกร่งที่จะทำให้มีการ rerate หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าในปี 2566 เรามองว่าหุ้นส่วนใหญ่ในกลุ่มพลังงานหมุนเวียนจะได้อานิสงส์จากประเด็น carbon credit และแผน PDP ฉบับใหม่โดยเฉพาะ SSP นอกจากนี้ เรายังมองเห็นโอกาสจากหุ้นในกลุ่มที่มี S-curve ใหม่ (Energy Absolute
(EA.BK/EA TB)* และ Gunkul Engineering (GUNKUL.BK/GUNKUL TB*)

 

Risks

ปิดโรงไฟฟ้านอกแผน, ปัญหา cost overruns, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย