แกว่งตัวออกข้าง หุ้นรายงานพิเศษ RSP (23 ก.ย. 2565)

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลงในช่วงเปิดตลาด ตอบรับในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐ เนื่องจากเฟดมีการปรับ Dot plot คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะแตะระดับ 4.4% ในช่วงสิ้นปีนี้ และแตะ 4.6% ในสิ้นปี 66
แต่ในช่วงบ่ายมีแรงซื้อเข้ามามากในหุ้น Big cap. และหุ้นทุกกลุ่มปรับตัวบวก ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,645.29 จุด +11.84 จุด +0.72% มูลค่าการซื้อขาย 67,322 ลบ. ต่างชาติ +2,306.00 ลบ. TFEX -6,355 สัญญา ตราสารหนี้ -230 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 83.49 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันในจีนที่เริ่มฟื้นตัว รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันจะเผชิญภาวะตึงตัว อันเนื่องมาจากการที่รัสเซียประกาศยกระดับการทำสงครามกับยูเครน
+ ญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตรา (FX) เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2541 เพื่อแก้ปัญหาเงินเยนร่วงหนัก หลังถูกกดดันจากกรณีที่ BOJ ใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษ
+ รัฐบาลไต้หวันอาจยกเลิกมาตรการกักตัว 3 วันสำหรับนักเดินทางขาเข้าในช่วงกลางเดือนต.ค. หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในไต้หวันยังคงบรรเทาลงอย่างต่อเนื่อง
+ สศค. ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้สุทธิของรัฐบาลในช่วง 11 เดือนของปีงบประมาณ 65 (ต.ค.64-ส.ค.65) มีจำนวน 2.25 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 1.17 แสนล้านบาท หรือ 5.5% และสูงกว่าปีก่อน 6.8%
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ ป่วยรายใหม่รักษาในรพ. 752 ราย มีผู้เสียชีวิต 9 ราย รักษาหาย 794 ราย
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิด ลดลง 107.10 จุด หรือ -0.35% ปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด เป็นปัจจัยกดดันให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
- ประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครนเรียกร้องให้เหล่าผู้นำโลกลงโทษรัสเซีย จากกรณียกพลบุกโจมตียูเครนต่อเนื่องนานหลายเดือน ในขณะขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ UNGA
- ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ของสหรัฐปรับตัวลง 0.3% ในเดือนส.ค. หลังจากร่วงลง 0.5% ในเดือนก.ค. โดยปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย โดยได้รับผลกระทบจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
- BoE มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สู่ระดับ 2.25% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2551 และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 7 นับตั้งแต่เดือนธ.ค.2564
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่ได้แรงหนุนจากปัจจัยในประเทศ โดยคาดหวังว่าการประชุม ศบค.ชุดใหญ่วันนี้ อาจมีการพิจารณายกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คาดกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,640-1,655 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• ผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น : BH BDMS D
• วิกฤติพลังงานยุโรป+จีนเริ่มใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น : PRM VL BANPU LANNA AGE
• นายกฯ ออกเกณฑ์ให้ต่างชาติได้ BOI ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ : WHA AMATA ROJNA
• หุ้นซ่อมแซมหลังน้ำท่วม : GLOBAL DOHOME HMPRO TOA COTTO DCC TASCO
• ลุ้น ศบค.ชุดใหญ่ พิจารณายกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน : ERW CENTEL VRANDA ASAP SPA
หุ้นรายงานพิเศษ
RSP
•งวด 2Q65 บริษัทมีกำไรสุทธิ 14.3 ลบ. -61.5%QoQ, +629.6%YoY มาจากรายได้รวมเท่ากับ 304.6 ลบ. +5.1% QoQ, +36.0% YoY สาเหตุหลักมาจาก สถานการณ์โควิด-19 ที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคกลับมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น อัตรากำไรขั้นต้น (%GPM) ที่ 54.8%ปรับตัวดีขึ้น จาก 47.5%ใน 2Q65 เนื่องจาก การบริหารโปรโมชั่นทางการขายสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น %NPM เท่ากับ 4.7% พลิกจากขาดทุนใน 2Q64 ช่วง 1H65 กำไร 51.4 ลบ. +304.7%YoY
•*ในปี 65 ผู้บริหารคาดรายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 15% ส่วนปี 66 คาดโตไม่ต่ำกว่า 10% ส่วนคาดการณ์รายได้ใน 3Q65 จะหดตัว QoQ เนื่องจากเป็นช่วง low season ของธุรกิจ ณ 2Q65 บริษัทมีสาขาในประเทศ 206 สาขา แบ่งเป็นกรุงเทพ 100 สาขา ต่างจังหวัด 106 สาขา และกัมพูชา 7 สาขาบริษัทวางแผนขยายสาขาในช่วง 2H65 ในไทย 6 สาขา กัมพูชา 10 สาขา
•*ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวก เนื่องจาก บริษัทสามารถปรับราคาขายสินค้าขึ้นได้ จากต้นทุนการนำเข้าที่สูงขึ้น รวมถึงการเปิดสาขาเพิ่มทั้งในไทยและกัมพูชา และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมาประเทศไทยมากขึ้น จะช่วยหนุนการเติบโตของรายได้แต่ยังมีความเสี่ยงเรื่องของเงินเฟ้อ อาจจะทำให้ผู้บริโภค เลื่อนการบริโภคออกไป โดยปัจจุบันราคาหุ้นบริษัท มี pe ที่ 30.5x ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย ที่ 31.0x
หุ้นมีข่าว
(+) TKS ( Bloomberg Consensus 13.60 บาท) ชูครึ่งปีหลัง 2565 ฟอร์มแจ่ม งานทะลัก-ไฮซีซัน ไอทีหนุน พร้อมรุกสู่ Tech Ecosystem Builder เดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน แถมบาทอ่อนหนุนรายรับต่างประเทศพุ่ง ลุ้นปี 2566 คว้างานพิมพ์บัตรเลือกตั้ง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) VL ( Bloomberg Consensus - บาท) ส่งสัญญาณไตรมาส 3/2565 ฟอร์มแจ่ม รับดีมานด์ใช้เรือขนส่งพุ่ง เล็งควักงบเฉียด 400 ล้านบาท เสริมทัพกองเรือเพิ่ม รุกเจาะฐานลูกค้าใหม่ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมขยายเส้นทางเดินเรือใหม่อินเดีย-จีน โดดรับราคาน้ำมันลดกดต้นทุนลง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) TOP (Bloomberg consensus 66.50 บาท) มองค่าการกลั่นไตรมาส 4/2565 ที่ 7-8 ดอลลาร์ ส่วนราคาน้ำมัน 90-100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มองดีมานด์น้ำมัน-น้ำมันสายการบินฟื้นต่อเนื่อง เดินหน้าแผนลงทุนโครงการ CFP ส่วนโครงการขยายกำลังการผลิต CAP2 จะมีการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายภายในไตรมาส 4/2565 พร้อมเป้าหมายลงทุนสตาร์ทอัพผ่าน CVC เพิ่มเติมอีกประมาณ 3 บริษัท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) HL (Bloomberg consensus 29.00 บาท) “เฮลท์ลีด” แย้มผลงานครึ่งปีหลังสดใส รับอานิสงส์โควิด-19 คลี่คลาย มีโรคตามฤดูกาล และการขยายร้านขายยาเพิ่ม ตั้งเป้าสิ้นปีครบ 36 สาขา รวมทั้งออกผลิตภัณฑ์สินค้าสารสกัด CBD จากกัญชง-กัญชา หนุนยอดขายโต พร้อมลุ้นปิดดีลซื้อกิจการ 1 ดีลสิ้นปีนี้ ส่วนปีหน้ารุกหนักเปิดอีก 20 สาขา เพิ่มเป็น 50 สาขา ดันรายได้พุ่ง (ที่มา ข่าวหุ้น)