ติดตามจุดเปลี่ยนของโมเมนตัมค่าเงินสหรัฐฯ อาจทำให้ตลาดระยะสั้นดีกว่าคาด

ติดตามจุดเปลี่ยนของโมเมนตัมค่าเงินสหรัฐฯ อาจทำให้ตลาดระยะสั้นดีกว่าคาด

ธนาคารกลางยุโรปปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% และส่งสัญญาณปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับเงินเฟ้อ ขณะที่ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อปี 65-67 เป็น 8.01%/5.5%/ 2.3% (จากเดิม 6.8%/3.5%/2.1%) และปรับคาดการณ์ GDP ปี 65-67 เป็น 3.1%/0.9%/1.9% (จากเดิม 2.8%/2.1%/2.1%)

ขณะที่นายกรัฐมนตรีใหม่ของอังกฤษ ประกาศแผนการที่จะจัดการกับราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูง แต่จะไม่กำหนดภาษีลาภลอย (windfall tax) จากผลกำไรของธุรกิจน้ำมันและก๊าซ ซึ่งปัจจัยทั้ง 2 เรื่องข้างต้นถือเป็นบวกต่อหุ้นการเงินและพลังงาน 

 

ประธานเฟด ยืนยันมุมมองการดำเนินโยบายการเงินตึงตัว ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์มีโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุม 21 ก.ย. เพิ่มเป็น 87%  อย่างไรก็ตามดอกเบี้ยสูงสุดของวัฏจักรรอบนี้ (Implied rate) ยังอยู่ที่ 3.94% แปลว่าโมเมนตัมของการขึ้นดอกเบี้ยจากนี้มีแนวโน้มจะชะลอลง

 

จุดต่างของวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และยุโรป (ECB) อาจทำให้ภาพการลงทุนระยะสั้นดีกว่าที่เคยประเมินไว้ แม้ตลาดประเมิน Fed น่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เท่ากับที่ ECB ขึ้นในการประชุมวานนี้ แต่การที่สหรัฐฯเข้าสู่ช่วงปลายของวัฎจักรเร็วกว่า และอาจขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอตัวลงได้ หากรายงานตัวเลขเงินเฟ้อในวันที่ 13 ก.ย. ยืนยันการชะลอลงของเงินเฟ้อ (คาดการณ์เงินเฟ้อ ส.ค. 8.1% ชะลอลงจาก ก.ค.ที่ 8.5%) สถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้ค่าเงินสหรัฐฯ ยุติการแข็งค่าที่ดำเนินมากว่า 20 เดือน และอาจทำให้ภาพการลงทุนระยะสั้นเคลื่อนไหวได้เกินระดับ 1,650 จุด ที่เราเคยประเมินไว้
 

 

 

 

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มได้ประโยชน์จากคนละครึ่งเฟส 5 อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE, TNP, KK, MAKRO 2) กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR, VRANDA, SPA 3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO, MAJOR, MBK 4) มาตรการสนับสนุน EV ได้แก่ EA, GPSC, PIMO  5) หุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน BABA80, TENCENT80, CHINA, STAR5001 6) เก็งกำไรทางเทคนิค CRC, RATCH, CPF, RS, SC, TH, TLI, BAM, EA, BAFS, CK, ASIAN, MBK, SAMART, TPIPL, ARIN, SVT, TFG, MC, TKN

 

ภาพรวมกลยุทธ์: เน้นที่การเลือกตัวหุ้นมากกว่าทิศทางดัชนี แม้เรามองตลาดมีแนวโน้มซึมลง แต่หากเกิดการกลับตัวของดัชนีค่าเงินสหรัฐฯ ภาพตลาดระยะสั้นอาจดีกว่าที่เราประเมินได้ อย่างไรก็ตามกลยุทธ์ในภาพใหญ่ไม่เปลี่ยน คือ รอเลือกซื้อกลุ่มหุ้นเปิดเมือง (ซื้อ: ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร กองรีทส์/ สะสมค้าปลีก การเงิน) ระยะสั้นกลุ่มหุ้นปลอดภัย หุ้นที่ยังขึ้นน้อย รวมถึงหุ้นขนาดกลางที่มีปัจจัยบวกรายตัว มีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดีกว่า ส่วนกลุ่มพลังงานเก็งกำไรที่แนวรับได้ แต่เลี่ยงหุ้นโรงกลั่นที่กำไรไตรมาส 3 น่าจะชะลอหนัก   //หุ้นแนะนำ:  ADVANC*, CPALL*, LHFG*, ROJNA*

แนวรับ: 1,633 / แนวต้าน : 1,650-1,660 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 

 


 

ประเด็นการลงทุน
 

สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด – ลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 222,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำสุดรอบ 3 เดือน และต่ำกว่าคาดที่ 240,000 ราย

EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด – เพิ่มขึ้น 8.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 250,000 บาร์เรล

กบง. เคาะแพคเกจมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมัน – ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. -31 ธ.ค.65 ให้คงสัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอยู่ที่ร้อยละ 5 (B5) และขอความร่วมผู้ค้าน้ำมันคงค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซล ไม่เกิน 1.40 บาทต่อลิตร พร้อมทั้ง เห็นชอบให้ตรึงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม (LPG) ในเดือนต.ค. ที่ราคา 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม 1 เดือน (1-31 ต.ค.65)

BEM ชนะประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม บางขุนนนท์-มีนบุรี - บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) เสนอผลประโยชน์สุทธิดีกว่ากลุ่ม บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) 

AIS อาจผ่อนเงื่อนไขแผนเข้าซื้อ 3BB-JASIF – มีกระแสข่าวดีลอาจล้ม จากสัดส่วนรายย่อยใน JASIF มีจำนวนเกิน 50% ของหน่วยลงทุนทั้งหมด และในจำนวนนี้ 80-90% จะไม่โหวตเรื่องขอลดค่าเช่า ขณะที่มีกระแสข่าวว่า ADVANC เตรียมแผนสำรองอาจยอมถอยเรื่องขอลดค่าเช่า แต่ราคาที่ซื้อ JASIF อาจจะต่ำกว่า 8.50 บาท

WHA เซ็นสัญญาซื้อขายที่ดินครั้งใหญ่ จำนวน 600 ไร่ กับ BYD - ตั้งโรงงานรถยนต์พลังงานใหม่แห่งแรกในอาเซียน ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 คาดเริ่มผลิตปี 2567 

Opportunity day – 9 ก.ย. – SUPER, XO, UPOIC, LST, ASK, BA / 12 ก.ย. – NSL, ONEE, MC, WINMED, D, ICHI, TRU / 13 ก.ย. – ALT, UTP, PEACE, BYD, WHAUP, HUMAN 

ตลท.ให้ BBIK ใช้เกณฑ์ Cash Balance - ตั้งแต่ 9-29 ก.ย.

หุ้นที่มีโอกาสเข้าเกณฑ์ Cash Balance – ได้แก่ CRANE, JDF, KWI  

 

ประเด็นติดตาม: 13 ก.ย. – US CPI / 14 ก.ย. - US PPI / 15 ก.ย. – Retial Sales / 16 ก.ย. – EU CPI

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)