SMIT กำลังซื้อมีสัญญาณฟื้นตัว (1 ก.ย. 2565)

SMIT กำลังซื้อมีสัญญาณฟื้นตัว (1 ก.ย. 2565)

งวด 2Q22 บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานเท่ากับ 561.1 ล้านบาท เติบโต +8.2%QoQ และ +12.4%YoY มีสาเหตุจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล็กและโรงชุบเหล็ก สามารถชดเชยกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องมือเครื่องจักรที่ชะลอตัวลงได้

ด้านอัตรากำไรขั้นต้นทำได้ที่ระดับ 31.5% ลดลงจาก 32.3% ในไตรมาสก่อน และ 35.5% ใน 2Q21 เนื่องจากวัตถุดิบเหล็กล็อตใหม่มีต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ยังทรงตัวในระดับสูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยปกติของบริษัทที่ระดับ 30% ขณะที่ SG&A/Sales 17.03% ดีขึ้นจาก 17.9%ใน 1Q22 และ 19.5%ใน 2Q21 เนื่องจากบริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 2Q22 เท่ากับ 70.5 ล้านบาท (+13.2%QoQ ,-8.0%YoY)
 

-  2H22 ได้แรงหนุนจาก High Season ของธุรกิจ

แนวโน้มผลประกอบการช่วง 2H22-23 ได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อในกลุ่มเครื่องมือเครื่องจักรที่เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวขึ้น หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และการจัดงานมหกรรมเครื่องจักรสามารถกลับมาจัดได้ตามปกติ ประกอบกับช่วง 2H22 เป็นช่วง High Season ของธุรกิจ นอกจากนั้นยังมีแรงหนุนจากยอดขายอลูมิเนียม ที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการในกลุ่มลูกค้ายานยนต์ไฟฟ้า เราคงประมาณการรายได้ปี 22-23 ที่ระดับ 2,207.0 ล้านบาท และ 2,395.7 ล้านบาท เติบโต +7.8%YoY และ +8.6%YoY พร้อมคงกำไรสุทธิปี 22-23 ที่ระดับ และ 263.9 ล้านบาท และ 286.4 ล้านบาท (-9.2%YoY , +8.6%YoY)

 

 

 

 


 

-  คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 23 เท่ากับ 6.70 บาท

กำลังซื้อของลูกค้าหลักมีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน ช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทให้เติบโตต่อเนื่อง เราประเมินมูลค่าอิงค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 5 ปี ที่ 12.4 เท่า โดยปรับใช้ราคาเหมาะสมเป็นปี 23 เท่ากับ 6.70 บาท (จากราคาเหมาะสมปี 22 ที่ 6.20 บาท) คงคำแนะนำ “ซื้อ” 

 

ปัจจัยเสี่ยง

i)    เศรษฐกิจชะลอตัว  
ii)    การส่งสินค้าล่าช้า
iii)    ราคาสินค้าและวัตถุดิบผันผวน