หุ้นอาลีบาบาพุ่ง 19% สูงสุดในรอบ 3 ปี รับกำไรโตแรง ทิศทางธุรกิจมุ่ง AI

ราคาหุ้นของบริษัท "อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิงส์" (Alibaba) พุ่งขึ้นแรงถึง 18.84% ในตลาดหุ้นฮ่องกงวันจันทร์นี้ (1 ก.ย. 68) หรือเพิ่มขึ้นสูงสุดในการซื้อขายระหว่างวันนับตั้งแต่ปี 2022 เนื่องจากผลประกอบการในไตรมาสสิ้นสุดเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยได้แรงหนุนจากยอดขายที่เร่งตัวขึ้นของหน่วยธุรกิจ "คลาวด์คอมพิวติ้ง" และการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจ "อีคอมเมิร์ซ" แม้ว่ารายได้โดยรวมจะต่ำกว่าคาดการณ์ก็ตาม โดยมีตัวเลขสำคัญเมื่อเทียบกับคาดการณ์ของ LSEG ดังนี้

• รายได้ 247,650 ล้านหยวน จีน (ราว 1.1 ล้านล้านบาท) เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ 252,900 ล้านหยวน
• กำไรสุทธิ 4.311 หมื่นล้านหยวน (ราว 1.92 แสนล้านบาท) เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ 2.85 หมื่นล้านหยวน
• รายได้เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 78% 

ทั้งนี้ กำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากการลงทุนในหุ้นบางส่วน และการขายกิจการบริษัทอีคอมเมิร์ซสัญชาติตุรกี Trendyol แต่ถูกหักล้างด้วยรายได้จากการดำเนินงานที่ลดลง 

หากไม่รวมกำไรจากการลงทุน กำไรสุทธิของอาลีบาบาจะลดลง 18% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากอาลีบาบายังคงทุ่มลงทุนในโมเดลธุรกิจ "สงครามส่งด่วน" (Instant commerce) หรือการผสานการสั่งซื้อผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลกับการจัดส่งสินค้าในเวลาที่รวดเร็ว ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงมากในจีน

ทั้งนี้ อาลีบาบาพยายามปรับทิศทางการลงทุนให้สมดุลมากขึ้นในสาขาต่างๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และรูปแบบอีคอมเมิร์ซใหม่ๆ พร้อมกับแสดงให้เห็นว่าบริษัทสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดที่มีการแข่งขันสูงอย่างจีน ขณะที่นักลงทุนได้ตอบรับเชิงบวกด้วยราคาหุ้นในตลาดนิวยอร์กที่พุ่งสูงขึ้น 40% ในปีนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้ง และการพัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซทั้งในจีน และต่างประเทศ

ธุรกิจ 'คลาวด์' เร่งตัวสดใส

รายได้ของธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้งอยู่ที่ 3.34 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเร็วกว่าอัตราการเติบโต 18% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยกลุ่มธุรกิจนี้ของอาลีบาบาถือเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างรายได้จาก AI เช่นเดียวกับบริษัท Microsoft หรือ Google

"ด้วยแรงผลักดันจากความต้องการ AI ที่แข็งแกร่ง Cloud Intelligence Group จึงมีรายได้เติบโตอย่างรวดเร็ว และปัจจุบันรายได้จากผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI กลายเป็นส่วนสำคัญของรายได้จากลูกค้าภายนอก" เอ็ดดี้ อู๋ ซีอีโอของอาลีบาบา ระบุในแถลงการณ์ ขณะที่รายได้จากผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI “ยังคงเติบโตในอัตราสามหลักเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และเป็นไตรมาสที่ 8 ติดต่อกัน”

ซีเอ็นบีซี รายงานเมื่อวันศุกร์ว่า อาลีบาบากำลังพัฒนาชิป AI ตัวใหม่ เพื่อต่อยอดการเติบโตในธุรกิจคลาวด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้นของอาลีบาบาพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์

จับตา 'สงครามส่งด่วน' ยังไม่นิ่ง

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซหลักของอาลีบาบา ซึ่งมีสัดส่วนรายได้มากกว่า 50% ยังไม่นิ่งเมื่อเทียบกับคลาวด์ ในภาพรวมนั้นรายได้เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็น 1.96 หมื่นล้านหยวน รายได้จากการบริหารจัดการลูกค้า (CMR) ซึ่งมาจากการขายบริการด้านการตลาด และอื่นๆ ให้ร้านค้าบนแพลตฟอร์มของอาลีบาบา เพิ่มขึ้น 10%

อย่างไรก็ตาม กำไรที่ปรับปรุงแล้ว (adjusted earnings) ของธุรกิจอีคอมเมิร์ซลดลง 21% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากอาลีบาบา ลงทุนอย่างหนักในธุรกิจที่เรียกว่า “ควิกคอมเมิร์ซ” หรือ “อินสแตนท์คอมเมิร์ซ” ซึ่งเป็นบริการใหม่บนแอปพลิเคชัน Taobao หนึ่งในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซหลักของบริษัทในจีนที่เปิดให้บริการปีนี้ โดยมุ่งจัดส่งสินค้าบางประเภทภายใน 1 ชั่วโมง

การแข่งขันในจีนดุเดือด โดยมีคู่แข่งอย่าง Meituan ยักษ์ใหญ่ด้านฟู้ดเดลิเวอรี และ JD.com เข้าร่วมทั้งหมด ความดุเดือดนี้เริ่มส่งผลกระทบต่อบางบริษัทแล้ว เช่น Meituan ที่เพิ่งรายงานว่ากำไรสุทธิปรับปรุงในไตรมาสสองร่วงลงถึง 89%

ธุรกิจควิกคอมเมิร์ซของอาลีบาบาทำรายได้กว่า 1.48 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ผู้บริหารอาลีบาบากล่าวว่า อินสแตนท์คอมเมิร์ซจะสร้างมูลค่าสินค้ารวม (GMV) เพิ่มขึ้นอีก 1 ล้านล้านหยวนต่อปี ภายใน 3 ปีข้างหน้า 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์