S&P 500 ลดลงในวันศุกร์ วอลล์สตรีทเพิ่มขึ้นในรอบสัปดาห์

S&P 500 ลดลงในวันศุกร์ วอลล์สตรีทเพิ่มขึ้นในรอบสัปดาห์

ดัชนี S&P 500 แทบไม่เปลี่ยนแปลงในวันศุกร์ หลังปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์นี้ ขณะนักลงทุนกำลังประเมินสถานการณ์การค้าโลกและอัตราเงินเฟ้อ

ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท วันศุกร์(14 ก.พ.)  ว่า ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ปิดที่ 44,546.08 จุด ลดลง 165.35 จุด หรือ 0.37% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,114.63 จุด ลดลง 0.01%  ขณะที่ดัชนี Nasdaq Composite ปิดที่ 20,026.77 จุด เพิ่มขึ้น 0.41%

ดัชนีหลักทั้งสามปิดสัปดาห์ในแดนบวก เนื่องจากความเชื่อมั่นดีขึ้นหลังจากนักลงทุนเห็นความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับแผนภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่ข้อมูลเงินเฟ้อใหม่ดีกว่าที่คาดไว้ในตอนแรก

นอกจากนี้ นักลงทุนยังไม่วิตกกับข้อมูลที่เผยแพร่ในวันศุกร์ ซึ่งสะท้อนถึงยอดขายปลีกในเดือนมกราคม ลดลง 0.9% เป็นการลดลงมากกว่าที่ Dow Jones คาดการณ์ว่าจะลดลง 0.2%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นประมาณ 1.5% ในขณะที่ ดัชนี Dow เพิ่มขึ้นประมาณ 0.6% ส่วน ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.6% ในสัปดาห์นี้

การเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งของสัปดาห์นี้ เกิดขึ้นหลังจาก ทรัมป์ลงนามในแผนการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากทุกประเทศในวันพฤหัสบดี  แทนที่จะใช้มาตรการภาษีแบบตอบโต้คู่ค้าทันที

ความกังวลของนักลงทุนดูเหมือนจะคลี่คลายลง หลังจากรายงานดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมกราคมที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี รวมถึงรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ ชี้ว่าดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (ดัชนีPCE) มีแนวโน้มลดลง ดัชนีราคา PCE ซึ่งกำหนดจะเผยแพร่ในช่วงปลายเดือนนี้ เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ

แมตต์ สตัคกี้ หัวหน้าผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของบริษัท Northwestern Mutual Wealth Management Company กล่าวว่า “ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจและเงินเฟ้อไม่ได้เร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว จนก่อให้เกิดแรงกดดันต่ออัตราดอกเบี้ย" เขากล่าวว่า การลดลงล่าสุดของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีนั้น “สะท้อนตลาดดีขึ้นในวงกว้าง และยังทำให้ราคาสินทรัพย์ในฝั่งหุ้นสูงขึ้นด้วย เนื่องจากพลวัตของความสัมพันธ์ดังกล่าว”

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องในวันศุกร์ โดยล่าสุดลดลงเกือบ 5 เบซิสพอยท์เหลือ 4.478%