ลมเปลี่ยนทิศ! อเมริกันมอง ‘ทองคำ’ ดีกว่า ‘หุ้น’ น่าลงทุนระยะยาว จริงหรือ?

ลมเปลี่ยนทิศ! อเมริกันมอง ‘ทองคำ’ ดีกว่า ‘หุ้น’ น่าลงทุนระยะยาว จริงหรือ?

เจาะผลสำรวจล่าสุด ชาวอเมริกันมอง “ทองคำ” น่าลงทุนระยะยาวมากกว่า “หุ้น” แต่ทำไมบรรดานักวิเคราะห์ถึงเห็นต่าง ขณะที่ราคาทองคำในปีนี้ พุ่งแตะระดับสูงสุดที่ 2,080 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา สวนทางตลาดหุ้นสหรัฐ S&P500 ที่ให้ผลตอบแทนย่ำแย่

เมื่อไม่นานมานี้ Gallup บริษัทด้านการวิเคราะห์และให้คำปรึกษาทางการเงินของสหรัฐ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุด พบว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่มองว่า “ทองคำ” เป็นการลงทุนที่ดีกว่า “หุ้น” ในระยะยาว

ผลโพลระบุว่า ในปีนี้ 26% ของชาวอเมริกันมองว่า ทองเป็นการลงทุนระยะยาวที่ดีที่สุด “เพิ่มขึ้น” จาก 15% เมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ชาวอเมริกันอีก 18% มองว่า หุ้นเป็นการลงทุนระยะยาวที่ดีที่สุด “ลดลง” จาก 24% เมื่อปีที่แล้ว โดยมุมมองล่าสุดต่อสินทรัพย์ทองคำของชาวอเมริกัน ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2556

นอกจากนี้ ผลสำรวจ Gallup ซึ่งสุ่มตัวอย่างผู้ใหญ่ 1,013 คนตั้งแต่วันที่ 3-25 เม.ย.ที่ผ่านมา ระบุว่า ประเด็นตัวชี้วัดการลงทุนระยะยาว ชาวอเมริกันยังคงประเมินความสามารถการให้ผลตอบแทนของสินทรัพย์ต่าง ๆ ภายใต้ความผันผวนระยะสั้น ซึ่งมุมมองนี้เป็นเรื่องอันตรายต่อนักลงทุน เพราะอาจทำให้ประเมินสินทรัพย์ที่ควรลงทุนในระยะยาว ผิดพลาดได้

ชาร์ลี ฟิตซ์เจอรัลด์ (Charlie Fitzgerald) นักวางแผนด้านการเงินและเป็นประธานบริษัท Moisand Fitzgerald Tamayo ในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา กล่าวว่า สำหรับการลงทุนระยะยาว ทองคำถือเป็นตัวเลือกที่แย่มาก และคล้ายกับการเก็งกำไรมากกว่า

ลมเปลี่ยนทิศ! อเมริกันมอง ‘ทองคำ’ ดีกว่า ‘หุ้น’ น่าลงทุนระยะยาว จริงหรือ? - ทองคำ (เครดิต: Shutterstock) -

 

  • ในระยะยาว หุ้นย่อมชนะทอง

บรรดาที่ปรึกษาทางการเงิน มองว่า โดยทั่วไป หุ้นเป็นเครื่องยนต์ของการเติบโตระยะยาวในพอร์ตการลงทุน ดังจะเห็นจากบทวิเคราะห์ของบริษัท Securian Asset Management ที่ชี้ว่า ดัชนีหุ้น S&P500 ของสหรัฐมีผลตอบแทนต่อปีเฉลี่ยอยู่ที่ 10.43% ระหว่างปี 2513-2565 ขณะที่ทองคำมีผลตอบแทนเพียง 7.7% ในช่วงเวลาเดียวกัน

 

ลมเปลี่ยนทิศ! อเมริกันมอง ‘ทองคำ’ ดีกว่า ‘หุ้น’ น่าลงทุนระยะยาว จริงหรือ?

- ความผันผวนหุ้น (เครดิต: Shutterstock) -

 

ในปัจจุบัน ผู้คนมักมอง “ทองคำ” เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นหลายครั้ง ท่ามกลางความกังวลและความท้าทายด้านเศรษฐกิจ เช่น ในช่วงการระบาดของโควิด-19 และรัสเซียบุกยูเครนที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งทะยานต่อเนื่อง

ด้าน SPDR Gold Shares กองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในทองคำแท่งโดยตรง รายงานว่าราคาทองคำพุ่งถึง 8.6% แล้วในปีนี้ ขณะที่ดัชนีหุ้น S&P500 เพิ่มขึ้นเพียง 7.6%

 

  • เศรษฐกิจป่วน หนุนซื้อทองคำพุ่ง

กระแสการเข้าซื้อทองคำของนักลงทุน เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤติธนาคารล้มในสหรัฐเมื่อไม่นานนี้ และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกนับตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว เพื่อปราบเงินเฟ้อ โดยเฟดคาดการณ์ว่า สหรัฐจะเข้าสู่ “เศรษฐกิจถดถอยอย่างอ่อน” ภายในปลายปีนี้

ขณะเดียวกันในปี 2565 เป็นปีที่ย่ำแย่ที่สุดของตลาดหุ้นสหรัฐ นับตั้งแต่ปี 2551 โดยดัชนีหุ้น S&P500 ปรับตัวลงมากกว่า 19% และราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐก็เผชิญกับปีย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์

นอกจากนี้ ปัญหาการขยายเพดานหนี้ที่ยังไม่ได้ข้อสรุป ทำให้สหรัฐเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า จนอาจสร้างความโกลาหลต่อระบบเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม ไอวอรี จอห์นสัน (Ivory Johnson) นักวางแผนการเงิน CFP และผู้ก่อตั้งบริษัทจัดการความมั่งคั่ง Delancey Wealth Management ในสหรัฐ ระบุว่า ทองคำสร้างผลตอบแทนได้ดีในช่วงนี้ เพราะสภาวะเศรษฐกิจอันเปราะบางในปัจจุบัน

เขาเสริมด้วยว่า หากสภาวะเศรษฐกิจเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น เช่น หากตัวเลขจีดีพีสหรัฐกลับมาเติบโต รวมถึงเงินเฟ้อก็ลดลง ผู้คนควรเทขายทองคำและเข้าลงทุนในหุ้นมากขึ้นแทน

“ทองคำไม่ใช่การลงทุนระยะยาว ไม่ใช่สิ่งที่คุณซื้อและทิ้งเก็บไว้ในพอร์ต” จอห์นสันกล่าว

อ้างอิง: cnbc