ผันผวน หุ้นรายงานพิเศษ PJW (5 เม.ย. 2566)

ผันผวน หุ้นรายงานพิเศษ PJW (5 เม.ย. 2566)

วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ ถูกกดดันจากแรงขายในหุ้นกลุ่มค้าปลีก พลังงาน ในขณะที่แรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มการแพทย์ ปัจจัยกดดันมาจากสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)

ชี้ส่งออกไทยปี 66 เผชิญความท้าทายสูง อาจโตไม่ถึง 1% พร้อมคาดว่า Q1 หดตัวถึง 10% ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,594.05 จุด -6.32 จุด -0.39% มูลค่าการซื้อขาย 41,645 ลบ.ต่างชาติ -1,348.71 ลบ. TFEX -7,047 สัญญา ตราสารหนี้ -3,339 ลบ.

 

ปัจจัยบวก    

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 29 เซนต์ หรือ +0.4% ปิดที่ 80.71 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดบวกเพียงเล็กน้อยหลังจากจีนและสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอทำให้นักลงทุนกังวลว่าภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจอาจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน บดบังปัจจัยบวกจากการที่กลุ่มโอเปคพลัสประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันอีกกว่า 1 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปี 2566
+ บริษัทไฟเซอร์ อิงค์ ประกาศลดราคายาแพกซ์โลวิดในประเทศจีน ขณะที่บริษัทเมอร์ค แอนด์ โค ประกาศลดราคายาโมลนูพิราเวียร์เช่นกัน โดยยาทั้งสองเป็นยาเม็ดรับประทานเพื่อรักษาโรคโควิด-19
+ ทอท.เปิดตัวเลขสงกรานต์ปี 66 คาดว่าผู้โดยสารเดินทางผ่าน 6 สนามบินกว่า 2.37 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 137% เที่ยวบินคาดทะลุ 1.42 หมื่นไฟลต์
+ ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) เผยแพร่รายงานการคาดการณ์เศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียและแปซิฟิกระบุว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคดังกล่าวจะเติบโตเร็วขึ้นในปีนี้ เนื่องจากการผ่อนคลายข้อจำกัดอย่างต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดจะช่วยกระตุ้นการบริโภค การท่องเที่ยว และการลงทุน อีกทั้งการกลับมา เปิดประเทศอีกครั้งของจีน

 

ปัจจัยลบ 

- ดัชนีดาวโจนส์ปิด ลดลง 198.77 จุด หรือ -0.59% หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจและแรงงานที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกเพื่อสกัดเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมาอาจส่งผลให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอย
 

- สหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) ประจำเดือนก.พ. ลดลง 632,000 ตำแหน่งสู่ระดับ 9.9 ล้านตำแหน่งในเดือนก.พ. ต่ำกว่าระดับ 10 ล้านตำแหน่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2564 รวมทั้งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 10.4 ล้านตำแหน่ง
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐร่วงลง 0.7% ในเดือนก.พ. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 0.5% หลังจากดิ่งลง 2.1% ในเดือนม.ค.
- นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ เจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ระบุว่า วิกฤติในภาคธนาคารสหรัฐยังคงมีอยู่ และจะส่งผลกระทบต่อเนื่องอีกหลายปี
- สทร. คาดการณ์ตัวเลขส่งออกในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ว่าจะติดลบถึง 10%YoY โดยระบุว่าการหดตัวของภาคการส่งออกไทยเกิดขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปีที่แล้วต่อเนื่องมา 5 เดือนแล้ว และคาดว่าในเดือน มี.ค. การส่งออกก็จะติดลบอีกเป็นเดือนที่ 6

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยนักลงทุนกลับมากังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญภาวะถดถอย จากข้อมูลเศรษฐกิจและแรงงานที่อ่อนแอ ประกอบกับเราคาดว่าปริมาณการซื้อขายใน SET อาจชะลอตัวลง เนื่องจากเป็นช่วงคาบเกี่ยววันหยุดยาว มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,585-1,600 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• หุ้น mai เด่นปี 66 : SPA D CEYE AU
• หุ้นเชื่อมโยงการเมือง : TKS SIRI PR9 SC STEC STPI
• หุ้นปันผลดี : ADVANC TISCO SCB PT SMIT
• จำนวนนักท่องเที่ยวปรับตัวเพิ่มขึ้น : AOT BAFS AAV BA MINT CENTEL ERW
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโอเปคพลัสลดกำลังการผลิต : PTTEP TOP PTT SPRC BCP
• หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT BBL COM7 CPALL

หุ้นรายงานพิเศษ

PJW
ขยายโอกาสสร้าง New S-curve ใหม่ๆ

ผันผวน หุ้นรายงานพิเศษ PJW (5 เม.ย. 2566)

•คาดผลประกอบการปี 23 เติบโตโดดเด่น (บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10%) โดยได้อานิสงส์จากลูกค้ากลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ที่เติบโตโดดเด่น หลังปัญหาเซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลนคลี่คลายลง ส่งผลให้มีการออกรถโมเดลใหม่เพิ่มขึ้น ประกอบกับสินค้ากลุ่มบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากเปิดประเทศ ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นหนุนปริมาณการใช้รถยนต์มากขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังได้เข้าซื้อธุรกิจ Laundry ในช่วงปลายปี 22 ที่ผ่านมา ซึ่งเจาะกลุ่มลูกค้า B2B เป็นหลัก และมีแผนขยายเข้าสู่ตลาดผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติก ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ใน 2H23

•เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้ย้ายหุ้นเข้ามาทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ จากเดิมที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ซึ่งจะช่วยขยายฐานนักลงทุน และเพิ่มสภาพคล่องมากขึ้น

ความเห็น : เราคาดว่าผลประกอบการในปีนี้มีโอกาสฟื้นตัวกลับมา ก่อนช่วงโควิด-19 ประกอบกับการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ จะสามารถสร้าง New S-curve สนับสนุนการเติบโตในอนาคต

 

หุ้นมีข่าว

(+) BEM (Bloomberg consensus 11.00 บาท) มั่นใจปีนี้มาแรงรายได้แตะ 1.7 หมื่นล้านบาท รถไฟฟ้าแตะ 8 พันล้านบาท และทางด่วนแตะ 9 พันล้านบาท ชูภาพรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินวันนี้มิกซ์ยูสเพียบ จัดงานอื้อ ปีนี้เป้าเฉลี่ย 4.2 แสนเที่ยวต่อวัน ปีหน้าโดดสู่ 5 แสนเที่ยวต่อวัน มั่นใจเซ็น Double Deck ปลายปีนี้ ลั่นประมูลสีส้มตามกติกา พร้อมลงนามและเร่งให้ทันกำหนด (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PRM (Bloomberg consensus 10.00 บาท) ดีมานด์ขนส่งเรือแข็งแกร่ง FSU ปีนี้ดีต่อเนื่อง อัตราการใช้กว่า 90% ส่วนเรือเคมี มีโอกาสเติบโตสูง รับงานต่างประเทศเพิ่ม เล็งซื้อเรือเพิ่ม ด้านขนส่งน้ำมันเจ็ทขยายตัวตามการท่องเที่ยว แย้ม Q1/2566 สดใส มั่นใจรายได้ปีนี้เติบโตกว่า 10% อัดฉีดงบลงทุน 2 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TEAMG (Bloomberg consensus 3.38 บาท) ปูทางธุรกิจเข้าสู่ Related Businesses คว้างานใหม่เพิ่มทั้งภาครัฐและเอกชน ตั้งเป้าเติม Backlog แตะ 5,000 ล้านบาท จากปัจจุบัน 4,110 ล้านบาท พร้อมประเมินความกังวลการเลือกตั้งใหม่ อาจจะส่งผลต่อการเลื่อนโครงการของภาครัฐ ท้าให้รับงานล่าช้า แต่งานเอกชนยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นโอกาสให้บริษัทได้รับงาน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) JR (Bloomberg consensus - บาท) ประกาศข่าวดี! คว้างาน กฟน. มูลค่า 51.19 ล้านบาท โครงการซื้อศูนย์ควบคุมเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบสื่อสาร ดันแบ็กล็อกพุ่งแตะ 10,472 ล้านบาท ซีอีโอ “จรัญ” มั่นใจปี 66 รายได้โต 15-20% แย้มแผนประมูลงานใหม่เพิ่ม 1,900 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)