ตามติดผลการประชุม 2 สภาจีน มังกรยุคใหม่จะเน้นพัฒนาด้านใดหลังจากนี้?

ตามติดผลการประชุม 2 สภาจีน มังกรยุคใหม่จะเน้นพัฒนาด้านใดหลังจากนี้?

จับตาทิศทางการบริหารประเทศของจีน หลังมีการเปิดเผยใจความสำคัญหลายเรื่องในการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) และสภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งชาติ (CPPCC) ที่กำลังเข้าสู่ช่วงท้ายของการประชุม ส่วนจะมีข้อมูลที่น่าสนใจอะไรบ้าง ต้องติดตาม

การประชุมทางการเมืองสำคัญ ประจำปี 2023 ของจีน ได้ดำเนินมาเกินครึ่งทางแล้ว เริ่มตั้งแต่ การประชุมสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติ หรือ CPPCC ที่เริ่มในวันเสาร์ที่ 4 มีนาคม 2023 ตามมาด้วย การประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ หรือ NPC ที่เริ่มต้นในวันที่ 5 มีนาคม 2023 หรือที่เรียกกันว่า การประชุม 2 สภา (2 session) ซึ่งจัดขึ้นแบบคู่ขนานกัน และได้ดำเนินมาจนเริ่มมีการเปิดเผยใจความสำคัญออกมาค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมาย GDP ปี 2023 การตั้งเป้าหมายเกี่ยวกับงบประมาณภาครัฐ และการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อให้สอดรับนโยบายพึ่งพาตนเองมากขึ้น

ตั้งเป้าหมาย GDP ปี 2023 โต 5% โดยเน้นเติบโตจากการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก

หลังจากที่จีนได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์และภาคอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2022 จน GDP เติบโตได้เพียง 3% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5.5% และถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดในรอบกว่าครึ่งศตวรรษ ในปีนี้ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน และเป็นตัวแทนของสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ได้ประกาศเป้าหมาย GDP ในปี 2023 โดยตั้งเป้าว่า จะเติบโตได้ 5% ใกล้เคียงกับนักวิเคราะห์หลายสำนักคาดการณ์ไว้ ซึ่งจุดนี้สะท้อนว่า รัฐบาลจีนคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวได้ค่อนข้างดี ภายหลังจากการเปิดประเทศในรอบ 3 ปี ทั้งนี้ได้มีการตั้งเป้าหมายการจ้างงานในปีนี้เพิ่มขึ้น 12 ล้านตำแหน่ง (ปี 2022 ที่ 11 ล้านตำแหน่ง) และจะควบคุมอัตราการว่างงานให้ไม่เกิน 5.5% ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย ในปี 2022    

ตั้งเป้าขาดดุล 3% มากกว่าปี 2022 หวังกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศเพิ่มขึ้น 

อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญคือ การตั้งเป้าขาดดุลงบประมาณแผ่นดินที่ 3% ต่อ GDP ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าปีที่แล้วที่ 2.8% ต่อ GDP โดยการขาดดุลเพิ่มขึ้นในปีนี้ มีการเพิ่มโควตาในการออกพันธบัตรเฉพาะกิจ (special-purpose bonds) 150 พันล้านหยวน สู่ระดับ 3.8 ล้านล้านหยวน หรือราวๆ $551.12 พันล้านเหรียญ ซึ่งที่ผ่านมาวงเงินนี้มักจะถูกกระจายไปให้รัฐบาลส่วนท้องถิ่นและจะถูกใช้ไปกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่จะช่วยสร้างตำแหน่งงาน เปรียบเสมือนเป็นการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศได้อีกทางหนึ่ง 
 
ตามติดผลการประชุม 2 สภาจีน มังกรยุคใหม่จะเน้นพัฒนาด้านใดหลังจากนี้?

จีนตั้งเป้าหมาย GDP ขยายตัว 5% และงบประมาณขาดดุล 3% ของ GDP 

นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มงบประมาณทางทหารขึ้นอีก 7.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน ประเด็นนี้ได้ถูกสื่อนำไปเชื่อมโยงกับท่าทีของจีนที่มีกับไต้หวัน ซึ่งในการประชุม นายหลี่ เค่อเฉียง เน้นย้ำว่า "ไต้หวัน เป็นส่วนหนึ่งของจีน พร้อมสนับสนุนการรวมชาติอย่างสันติ และจะไม่ใช้กำลังทหารหากไม่มีความจำเป็น" ซึ่งเป็นจุดยืนที่ชัดเจนและไม่ได้มีการยกระดับความตึงเครียดมากขึ้นเมื่อเทียบกับการประชุมในรอบที่ผ่านมา และเมื่อเปรียบเทียบงบประมาณทางทหารในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า มีการปรับเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด ระหว่าง 6% - 8% ดังนั้นจึงมองว่าการปรับขึ้นในครั้งนี้ไม่น่าจะเหนี่ยวนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดทางการทหารอย่างที่หลายสื่อกังวล

ตามติดผลการประชุม 2 สภาจีน มังกรยุคใหม่จะเน้นพัฒนาด้านใดหลังจากนี้?

งบทางทหารเพิ่มขึ้น 7.2% YoY ถือว่าเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า

มีการปรับโครงสร้างรัฐบาลเพื่อให้สอดรับนโยบายพึ่งพาตนเองมากขึ้น 

นอกเหนือจากการเปิดเผยข้อมูลเชิงเศรษฐกิจแล้วนั้น ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา มีรายงานว่า สี จิ้นผิง ได้เผยแผนการปรับโครงสร้างรัฐบาลครั้งใหญ่ โดยมีการจัดตั้งหน่วยงานใหม่คือ สำนักงานข้อมูลแห่งชาติ (National Data Bureau) เพื่อดูแลด้านข้อมูลโดยเฉพาะ และปฏิรูประบบการเงิน โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลทางการเงินของรัฐ เพื่อทำหน้าในการกำกับดูแลกลุ่มบริษัททางการเงินและการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งแต่เดิมหน้าที่นี้อยู่ภายใต้ ธนาคารกลางจีน (PBoC) และคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) ทั้งนี้เพื่อเป็นการรวมอำนาจให้อยู่ภายใต้รัฐบาลกลางมากขึ้น และเพื่อแก้ปัญหาระบบการเงินที่มีมาอย่างยาวนาน

นอกจากนั้นยังมีการปฏิรูปกระทรวงวิทยาศาสตร์ โดยจะพยายามรวมการศึกษาและการวิจัยเข้ากับการใช้งานจริง เช่นเดียวกับการจัดตั้งระบบการถ่ายทอดเทคโนโลยีแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อให้การพัฒนาด้านเทคโนโลยีของจีน โดยเฉพาะอุตสาหกรรม Semiconductor ของประเทศที่ยังคงไล่ตามชาติตะวันตก รวมถึงมีการปรับลดจำนวนบุคลากรของรัฐบาลกลางลงกว่า 5% ซึ่งมองว่า การประกาศยกเครื่องหน่วยงานของจีนครั้งนี้ แสดงให้เห็นจุดยืนของจีนในการที่จะยืนหยัดพึ่งพาตนเอง และเพิ่มขีดความสามารถให้สามารถแข่งขันกับชาติตะวันตกได้อย่างเท่าเทียม 

การประชุม 2 สภา ของจีน ได้ดำเนินเข้ามาสู่ช่วงปลาย โดย การประชุมสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติ หรือ CPPCC จะแล้วเสร็จในวันที่ 11 มี.ค. 66 และ การประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ หรือ NPC จะสิ้นสุดในวันที่ 13 มี.ค. 66 ซึ่งในท้ายที่สุดจะมีความคืบหน้าเพิ่มเติมอย่างไร คงต้องติดตามการแถลงการณ์ในช่วงท้ายของการประชุม แต่หากพิจารณาจากสิ่งที่เปิดเผยออกมาแล้วนั้น ถือว่าเป็นข้อมูลสำคัญที่ค่อนข้างครอบคลุมสิ่งที่นักลงทุนได้คาดหวังว่าจะได้รับจากการประชุมครั้งนี้ ซึ่งประเด็นเหล่านี้ได้สะท้อนไปยังตลาดหุ้นบางส่วน หากเทียบจากสถิติในอดีต ตลาดหุ้นจีน (ดัชนี CSI300) มักจะปรับขึ้นก่อนและหลังการประชุม 2 สัปดาห์ โดยในปีนี้ ดัชนี CSI300 ปรับขึ้นมา +2.38% ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนการประชุม หลังจากนี้คงต้องติดตามกันต่อไปว่า หลังจากการประชุมในครั้งนี้ตลาดหุ้นจีนจะเป็นบวกได้หรือไม่    

ที่มา : Bloomberg ,CNBC & UBS 

ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมาและพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสมและรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และ tiscoasset หรือแอปพลิเคชัน TISCO My Funds