SVI ผลประกอบการ 4Q65: กำไรจากธุรกิจหลักสูงเกินคาด

SVI ผลประกอบการ 4Q65: กำไรจากธุรกิจหลักสูงเกินคาด

กำไรจากธุรกิจหลักของ SVI ใน 4Q65 อยู่ที่ 576 ล้านบาท (+0.8% YoY, +17% QoQ) ดีกว่าประมาณการของเรา 18% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นดีกว่าที่คาดไว้ 1.2% ทำให้กำไรจากธุรกิจหลักในปี 2565 อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท (+17% YoY) สูงกว่าประมาณการเต็มปีของเรา 9%

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทยังอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดปี 2565 ที่ 0.26 บาท/หุ้น (กำหนดขึ้น XD วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 16 พฤษภาคม 2566)

 

ยอดขายในสกุลดอลลาร์ฯ ทำสถิติสูงสุดใหม่ทั้งใน 4Q65 และในปี 2565

ยอดขายของ SVI ใน 4Q65 อยุ่ที่ 4.2 พันล้านบาท (+27% YoY, +3% QoQ) แต่หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ยอดขายใน 4Q65 จะอยู่ที่ 200 ล้านดอลลาร์ฯ (+17% YoY, +4% QoQ) ซึ่งเป็นไปตามประมาณการของเรา และทำให้ยอดขายในปี 2565 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 741 ล้านดอลลาร์ฯ (+36%YoY) เนื่องจากมีคำสั่งซื้อเข้ามามาก โดยเฉพาะในกลุ่ม networking ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 58%YoY ในปี 2565 (และคิดเป็น 39% ของรายได้รวม)

 

อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ระดับสองหลัก

อัตรากำไรขั้นต้นใน 4Q65 อยู่ที่ 11% (-1.6ppts YoY, -1.0ppts QoQ) สูงกว่าประมาณการของเรา 1.2ppts เพราะ product mix ดีขึ้น และได้อานิสงส์จากการอ่อนค่าของเงินบาท ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2565 อยู่ที่ 9.2% (-2.1ppts YoY) สูงกว่าสมมติฐานของเราที่ 8.7% และ เป้าหมายของบริษัทที่ 8.5%-9.0%

 

 

 

คงประมาณการกำไรปี 2566-2567 เอาไว้เท่าเดิม

ถึงแม้ว่ากำไรจากธุรกิจหลักในปี 2565 จะดีกว่าประมาณการของเรา 9% แต่เรายังคงประมาณการกำไรปี 2566-2567 เอาไว้เท่าเดิม (คาดว่ายอดขายจะทรงตัวในปีนี้ และจะโต 4% ในปี 2567 ในขณะที่คาดว่า อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2566-2567 จะอยู่ที่ 8.8%) เราคิดว่าผลประกอบการของ SVI ยังมีความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และการแข็งค่าของเงินบาท ทั้งนี้ อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย QTD อยู่ที่ 33.30 บาท/ดอลลาร์ฯ) ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงทุก ๆ 1ppts จะกระทบกับกำไรสุทธิของ SVI~20%

 

Valuation & action

เรายังคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 เอาไว้ที่ 8.50 บาท อิงจาก PER ที่ 13.0x (เท่ากับค่าเฉลี่ยในอดีตของ Hana Microelectronics (HANA.BK/HANA TB)* -0.5 S.D.) และคงคำแนะนำ “ถือ” SVI

 

Risks

ภัยธรรมชาติ, มีการปิดโรงงานนอกแผน, ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น, ขาดแคลนวัตถุดิบ, เงินบาทแข็งค่าขึ้น (เราใช้สมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปี 2566-67 ที่ 33.80 บาท/ดอลลาร์ฯ) และความล่าช้าในกระบวนการทดสอบผลิตภัณฑ์