วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (6 ก.พ. 66)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (6 ก.พ. 66)

ราคาน้ำมันดิบปิดร่วงต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หลังตลาดกังวลสหรัฐฯ เร่งขึ้นดอกเบี้ย

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา 

- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงกว่า 3% มาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายจากความกังวลว่า FED มีแนวโน้มปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นต่อ หลังการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้นกว่า 517,000 ตำแหน่งในเดือน ม.ค. 66 มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 187,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้อัตราการว่างงานปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 3.5% มาอยู่ที่ 3.4% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 53 ปี

-/+ กลุ่ม G7 ออสเตรเลีย และสหภาพยุโรป (EU) กำหนดเพดานราคาน้ำมันสำเร็จรูปจากรัสเซีย มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 5 ก.พ. ซึ่งเป็นวันเดียวกับเส้นตายในการห้ามนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป รวมถึง การให้บริการขนส่งและบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง หากราคาน้ำมันของรัสเซียสูงกว่าเพดานราคา โดยเพดานราคาสำหรับน้ำมันที่มีมูลค่ามากกว่าน้ำมันดิบ อาทิเช่น น้ำมันดีเซล จะอยู่ที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ขณะที่ น้ำมันที่มีมูลค่าต่ำกว่าน้ำมันดิบจะมีการกำหนดที่ 45 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

+ การขุดเจาะของสหรัฐฯ ปรับลดลงมากสุดในรอบสัปดาห์นับตั้งแต่ มิ.ย. 63 โดย Baker Hughes รายงานปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 3 ก.พ. ปรับลดลง 12 แท่น มาอยู่ที่ 759 แท่น
 

 

 

 

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากการส่งออกของจีนในเดือน ก.พ. ที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงกดดันจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากอินเดียและปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสิงคโปร์ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือน 


ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับในรอบ 14 เดือน นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงกดดันจากอุปทานในยุโรปที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังมีการเร่งนำเข้าน้ำมันดีเซลจากรัสเซีย
 

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (6 ก.พ. 66)