Meta เผยขาดทุน 'เมตาเวิร์ส' ปี 65 อ่วม 4.52 แสนล้านบาท

Meta เผยขาดทุน 'เมตาเวิร์ส' ปี 65 อ่วม 4.52 แสนล้านบาท

Meta เผยขาดทุน 'เมตาเวิร์ส' ปี 65 อ่วม 4.52 แสนล้านบาท ซักเคอร์เบิร์ก เผยความทะเยอทะยานสู่ผู้นำเทรนด์อนาคตอาจทำให้สูญเงินมากกว่า 10 พันล้านดอลล่าร์ต่อปี แต่ยังมีรายได้หลักของ Meta มาจากการโฆษณาของผู้ใช้ในโซเชียลมีเดีย

เว็บไซต์ Theblock.co รายงานว่า บริษัท Meta ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยียังคงแบกรับค่าใช้จ่ายในส่วนของเมตาเวิร์ส (Metavers) ขณะที่แผนก Reality Labs ของ บริษัท รายงานผลขาดทุนในไตรมาสที่ 4 มากถึง 4.3 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.4 แสนล้านบาท (ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์อยู่ที่ 33 บาท)

Reality Labs เป็นหน่วยงานที่เน้นพัฒนาเทคโนโลยี AR และ VR ของ Meta ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหอกในการผลักดันบริษัทสู่ metaverse โดยขาดทุนไปแล้ว 13.7 พันล้านดอลลาร์ หรือ 4.52 แสนล้านบาทตลอดทั้งปีที่ผ่านมา

แม้ว่าตัวเลขทั้งสองจะใหญ่กว่าปีที่แล้ว แต่ก็ดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เล็กน้อยที่คาดว่า Reality Labs จะขาดทุน 4.4 พันล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสที่ 4 และ 13.8 พันล้านดอลลาร์ หรือ 4.52แสนล้านบาทในปีนี้

อย่างไรก็ตาม มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ซีอีโอ ของ Meta ยังคงแน่วแน่ในการอุทิศตนเพื่อการลงทุนอย่างมากในเทคโนโลยี metaverse โดยรายได้หลักของ Meta ยังคงมาจากการโฆษณาของผู้ใช้หลายพันล้านคนที่ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเช่น Facebook และ Instagram

แผนก Family of Apps ของบริษัท ซึ่งรวมถึง Facebook และ Instagram ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนผลกำไรที่แข็งแกร่งที่สุดของ Meta ซึ่งสามารถสร้างรายได้ 10.7 พันล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสที่ 4 แต่ก็ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับ15.9 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปี 2564

 

แม้ว่าผลกำไรของธุรกิจแอพของ Meta จะลดลงอย่างมาก แต่รายรับของแผนกก็อยู่ที่ 31.4 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 4  ซึ่งตรงกันข้ามกับ Reality Labs ซึ่งดูแลเกี่ยวกับ เมตาเวิร์ส ที่มีรายได้เพียง 727 ล้านดอลลาร์

 

ทำให้ Meta ปรับลดการคาดการณ์สำหรับค่าใช้จ่ายทั้งปี 2566 โดยคั้งเป้ารายจ่ายให้อยู่ในช่วง 89 พันล้านดอลลาร์ถึง 95 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงจากแนวโน้มก่อนหน้านี้ที่ 94,000-100,000 ล้านดอลลาร์

ซักเคอร์เบิร์ก ได้กล่าวว่า ความทะเยอทะยานของเขาที่จะเป็นผู้เล่นหลักในเทรนด์อนาคตอย่าง 'เมตาเวิร์ส' อาจทำให้Reality Labs สูญเสียเงินมากกว่า 10 พันล้านดอลล่าร์ต่อปีติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี