‘กองทุน’ ปรับพอร์ตขายหุ้นไทย โยกเงินลงทุนต่างประเทศ

‘กองทุน’ ปรับพอร์ตขายหุ้นไทย  โยกเงินลงทุนต่างประเทศ

ตั้งแต่เปิดศักราชใหม่ปี 2566 จนถึงวันที่ 25 ม.ค. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยติดต่อกันถึง 16 วันทำการ มูลค่า 22,219.99 ล้านบาท ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยผันผวน แต่วานนี้ ( 26 ม.ค.) พลิกมาซื้อสุทธิ 1,195.62 ล้านบาท ทำให้ล่าสุดมียอดขายสุทธิลดลงอยู่ที่ 19,437.47 ล้านบาท

บดินทร์ พุทธอินทร์  ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน  บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) มองว่า แรงขายหุ้นไทยของนักลงทุนสถาบันช่วงนี้ น่าจะเป็นแรงขายทำกำไรแค่ระยะสั้นในช่วง 1 เดือน และยังไม่ได้มีมูลค่าการขายที่ผิดปกติแต่อย่างใด 

สาเหตุของการขายหุ้นของกองทุนไทยมาจากปัจจัยหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็น กองทุนรวม Active Fund ที่เป็นการบริหารแบบเชิงรุกปรับพอร์ต , ผู้ถือหน่วยรายย่อยกองทุนที่มีการขายหน่วยลงทุนคืน เพื่อทำกำไร สลับเปลี่ยนกลุ่มลงทุน หรือถือเงินสดรอลงทุน เพื่อรอปัจจัยใหม่ที่จะเข้ามาหนุนหุ้นไทย 

‘กองทุน’ ปรับพอร์ตขายหุ้นไทย  โยกเงินลงทุนต่างประเทศ

" ดัชนีปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายก่อนที่ระดับ 1,580 จุด มาอยู่ 1,680 จุด หรือใกล้ระดับ 1,700 จุด ขณะที่ในเชิงเปรียบตลาดหุ้นไทยในปีนี้ มีทิศทาง Underperform เมื่อเทียบกับหุ้นต่างประเทศที่เริ่มมีสัญญาณกลับมา Outperform แทนโดยเฉพาะหุ้นเอเชีย นำโดยหุ้นจีน รวมถึงตราสารหนี้ต่างประเทศให้ผลตอบแทนดีกว่า จึงมีแรงขายทำกำไรหุ้นไทยเพื่อไปลงทุนต่างประเทศ" 

นอกจากนี้อาจมีแรงขายบางส่วน จากเม็ดเงินลงทุนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)ที่ครบกำหนดในปีนี้ ได้มีการขายออกมาก เพื่อนำเงินไปลงทุนกองทุนประหยัดภาษีที่มีการลงทุนในต่างประเทศแทน เช่น กองทุน SSF, RMF หรือกองทุนต่างประเทศ หรือเก็บเงินไว้รอจังหวะกลับเข้าลงทุนหุ้นไทยรายตัวที่ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้น

 

สอดรับกับ ชาคริต พืชพันธ์  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายบริหารกองทุน บลจ.เอ็มเอฟ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมานี้ผู้ถือหน่วยรายย่อยกองทุนที่มีการลงทุนหุ้นไทย ทั้งกองทุนรวมหุ้นไทย ,กองทุนประหยัดภาษีอย่าง LTF ที่มีเม็ดเงินครบกำหนดในปีนี้ และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่มีการขายหน่วยลงทุนคืน เพื่อทำกำไร หรือสลับเปลี่ยนกลุ่มการลงทุน หรือถือเงินไว้รอลงทุน เพื่อรอปัจจัยใหม่ที่จะเข้ามา และนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศที่ปีนี้มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนจากการลงทุนหุ้นต่างประเทศ ที่ดีกว่าหุ้นไทย

 “ไม่ใช่ว่าปีนี้หุ้นไทยไม่ดี เพียงแต่มีอัพไซด์จำกัด จากปีก่อนปรับขึ้นมากแล้วเมื่อเทียบกับหุ้นต่างประเทศ ทำให้หุ้นต่างประเทศมีอัพไซด์มากกว่า ในแง่ของการลงทุนต้องมีการปรับพอร์ตตามปกติเพื่อทำกำไรบ้าง หลังปลายปีก่อนจนถึงตอนนี้ดัชนีปรับตัวขึ้นใกล้ 1,700 จุด” 

ธิดาศิริ ศรีสมิต  รองกรรมการผู้จัดการ และประธานบริหารการลงทุนตราสารทุน บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า แรงขายหุ้นไทยดังกล่าวเป็นการปรับพอร์ตตามปกติ  เพื่อรอความชัดเจนของตลาด  หลังดัชนีหุ้นไทยตั้งแต่ปลายปีก่อนปรับขึ้นมาใกล้ระดับ 1,700 จุดแล้ว และช่วงนี้ยังขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นที่ชัดเจน  ดังนั้นหุ้นรายตัวอาจมีแรงขายได้ตามความเหมาะสมในช่วงระยะสั้น    รวมถึงอาจมีแรงขายของผู้ลงทุนในกองทุน LTF ที่ครบกำหนดในปีนี้ออกมาบ้าง หากมีกำไร   
ชญานี จึงมานนท์  นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่ง สตาร์รีเสิร์ซ (ประเทศไทย) มองว่า นอกจากการปรับพอร์ตของกองทุน และผู้ถือหน่วยในช่วงนี้แล้ว อีกปัจจุบันหนึ่ง คาดว่า เป็นปัจจัยทางเทคนิค จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. ในปีนี้ จะส่งผลให้ต้นทุนของธุรกิจมีโอกาสปรับขึ้น ส่งผลต่อการประเมินมูลค่าหุ้นในระยะยาว (Valuation ) มีโอกาสถูกปรับลดลงได้ ทำให้มีแรงขายหุ้นไทยทำกำไรออกมาก่อนช่วงประกาศขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์