'ราคาหุ้นแบงก์ใหญ่ ' ร่วงแรง เหตุกำไรไตรมาส 4/65 ต่ำคาด-ตั้งสำรองเพิ่ม

'ราคาหุ้นแบงก์ใหญ่ ' ร่วงแรง เหตุกำไรไตรมาส 4/65 ต่ำคาด-ตั้งสำรองเพิ่ม

ช่วงเช้าวันนี้ ราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวลงแรง หลังนักลงทุนผิดหวังผลการดำเนินงานปี 4/65 ออกมาต่ำกว่าคาด นำโดย KBANK ลง 4.89% กดทั้งกลุ่มลงตาม BBL ลง 1.62% SBC ลง 1.35% โบรกยังมองบวก BBL รายได้ดบ.เพิ่มขึ้นตามภาวะดบ.ขาขึ้นและคุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในเกณฑ์ดี สำรองลด แนะซื้อ

หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ปรับตัวลงแรง  หลังประกาศงบไตรมาส 4/2565 ต่ำกว่าคาด เหตุหลักการตั้งสำรองหนี้สูง 

 ล่าสุด ณ เวลา 11.30 น  นำโดยราคาหุ้นธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK  อยู่ที่ระดับ 146 บาท ลดลง 7.50 บาท หรือ 4.89%   ราคาสูงสุดที่ระดับ 148 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 145 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 6.39 พันล้านบาท

ราคาหุ้นธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL อยู่ที่ระดับ 152 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 1.62%  ราคาสูงสุดที่ระดับ 153 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 150  บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย  2.15 พันล้านบาท 

ราคาหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB อยู่ที่ระดับ 109.50  บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 1.35% ราคาสูงสุดที่ระดับ 109.50 บาท ต่ำสุดที่ 108 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.13 พันล้านบาท 

 

 

 

 

 

นายภาสกร หวังวิวัฒน์เจริญ ผู้จัดการสายงานวิจัย  บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพ (BBL) รายงานกำไรสุทธิ 4/65 ที่ 7.56 พันล้านบาท (ลดลง 1% เทียบไตรมาสก่อนหน้า, เพิ่มขึ้น 20% ช่วงเดียวกันปีก่อน ) แต่ยังต่ำกว่า Bloomberg. Consensus คาคราว 14% จากการวัดมูลค่าเงินลงทุน (FVTPL) แต่รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ (NII ) มีพัฒนาการเด่นชัด (เพิ่มขึ้น15% เทียบไตรมาสก่อนหน้า ,เพิ่มขึ้น 140% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ตามภาวะดอกบี้ยขาขึ้น

ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยงวดนี้มีการตั้งสำรองอยู่ที่ 7.9 พันล้านบาท  ลดจาก 9.9 พันล้านบาท งวดก่อน และ8.1 พันล้านบาท ในช่วงไตรมาส 4/64 สอดรับกับมูลหนี้ NPL ต่ำลง สะท้อนผ่าน NPL/Loan ที่ 3.6% (ไตรมาส3/65 ที่3.8%) และผลักดัน Coverage Patio ที่ 261% (ไตรมาส3/65 ที่ 240%)

ส่วนกำไรสุทธิปี 2565 ตามคาด บวก 11% YoY ขณะที่ประมาณการปี 2566 มี Upside จาก NIM ซึ่งฝ่ายวิจัยจะทบทวนประมาณการอีกครั้งหลังการประชุม
นักวิเคราะห์ช่วง 13 - 17 ก.พ. 66  โดยแนวไน้มกำไรสุทธิ ไตรมาส 1/66 เติบโต จากไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเดียวกันปีก่อน จากการรับรู้ผลของการขึ้น M-Rate ช่วง ไตรมาส 4/65 เต็มไตรมาส และ OPEX มีแนวโน้มต่ำลงตามฤดูภาล

ขณะที่ประเมิน Credit Cost ยังอยู่ในการบริหารจัดการ คงแนะนำ "ซื้อ"  NII มีพัฒนาการที่ดี รวมถึง Coverage Patio แกร่งสุดในกลุ่มฯ ในเชิง Valuation PBV ซื้อขายที่ 0.55 เท่า ร้อมคาดเงินปันผล ครึ่งปีแรก65 ไว้ 2.75 บาทต่อหุ้น

 

 

ราคาหุ้น KBANK  ปรับตัวลง หลังจากธนาคารประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 4/2565 ที่ 3.19 พันล้านบาท ลดลง 70% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ ลดลง 68% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ต่ำกว่า ฝ่ายวิจัยคาดไว้ 9.9 พันล้านบาท และ Bloomberg Consensus ที่ 9.3 พันล้านบาท

สาเหตุหลักเพราะตั้งสำรองสูงกว่าคาด โดยสำรองเท่ากับ 2.3 หมื่นล้านบาท สูงกว่าคาดการณ์ที่ 1.2 หมื่นล้านมาท และ ไตรมาส 3/2565 ที่ 9.9 พันล้านบาท และไตรมาส 4/2564 ที่ 9.6 พันล้านบาท ตามธนาคารให้เหตุผลว่าเป็นการตั้ง ECL เพื่อรองรับความเสี่ยงจากเศรษฐกิจถดถอย( Global Recessision) 

เหตุข้างต้นไม่สามารถชดเชยได้กับกำไรก่อนสำรอง (PPOP) ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 20.8% เทียบไตรมาสก่อนหน้า ,เพิ่มขึ้น 28.6% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน) จากรายได้ที่มีใช่ดอกเบี้ยหรือ Non - NIl (เพิ่มขึ้น 53.3% เทียบไตรมาสก่อนหน้า , เพิ่มขึ้น 13% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน) และ NII (เพิ่มขึ้น 9% เทียบไตรมาสก่อนหน้า ,เพิ่มขึ้น 17% เทียบช่วงเดียวกันปีกอน) 
ขณะที่ในเชิงคุณภาพสินทรัพย์ตามความเห็นฝ่ายวิจัยยังดูคลุมเครือ ทั้ง NPL/ Loan เพิ่มขึ้น และสินเชื่อ Stage 2 ไม่ได้ลดลง ประกอบกับแม้งวดนี้จะตั้งสำรอง ECL สูงแล้ว แต่ระดับ Coverage Ratio ยังอยู่ที่เพียง 144%  ขณะที่สิ้นงวด ไตรมาส3 /2565 ที่ 138.2%, สิ้นปี 2564 ที่ 139.2% และสิ้นปี 2562 ที่ 148.6% 

สำหรับคำแนะนำ KBANK ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการและคำเนะนำ