Apple เผยแผนการใช้จอแสดงผลของตัวเอง เสริมความได้เปรียบในการแข่งขัน

Apple เผยแผนการใช้จอแสดงผลของตัวเอง เสริมความได้เปรียบในการแข่งขัน

เป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวสำคัญ เมื่อ Apple ออกมาเผยแผนการใช้จอแสดงผลที่ออกแบบและพัฒนาด้วยตัวเอง สะท้อนความพยายามเพื่อลดการพึ่งพาจากภายนอก เสริมความได้เปรียบในด้านการแข่งขัน

Apple ถือว่าเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของโลก โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม Smart phone เกรด Premium อย่าง iPhone ที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 มาหลายปีติดต่อกัน แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า กว่าจะเป็นอุปกรณ์แต่ละชิ้นนั้น ล้วนประกอบมาจากวัสดุมากมายหลายชนิด ซึ่งส่วนใหญ่จะมี Supplier รายใหญ่ระดับโลกที่คอยจัดหาให้ เรียกได้ว่าบริษัทฯ มีการพึ่งพาปัจจัยการผลิตจากภายนอกอยู่มากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น Chip จอแสดงผล เลนส์ รวมไปถึงการประกอบ iPhone ก็ใช้วิธีการจ้างโรงงานภายนอกเช่นกัน ซึ่งปัจจุบัน Apple ถือว่าประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างมาก จนมีมูลค่าตลาดราว $2.12 ล้านล้าน (ข้อมูล ณ วันที่ 11 ม.ค. 2023) ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลก แต่ก็ยังไม่สามารถผลิตส่วนประกอบสำคัญต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง แต่ล่าสุดได้มีการเปิดเผยแผนการที่จะเริ่มใช้จอแสดงผลที่ออกแบบและพัฒนาด้วยตัวเอง เพื่อลดการพึ่งพาจากภายนอก ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวที่สำคัญ ที่อาจจะเปลี่ยนโครงสร้างการทำธุรกิจ เพื่อเพิ่มอัตรากำไร และเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทในทศวรรษนี้

รู้จัก Supplier รายใหญ่ของ Apple 

ปัจจุบัน Apple ใช้ supplier มากกว่า 200 แห่ง ซึ่งส่วนมากจะกระจุกตัวอยู่ในไต้หวัน จีน และสหรัฐ ยกตัวอย่าง บริษัท Foxconn ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ ไต้หวัน และมีฐานการผลิตส่วนใหญ่ในจีน เป็นหนึ่งใน Supplier ที่ใหญ่ที่สุด ที่รับจ้างประกอบ iPhone ให้แก่ Apple โดยมีสัดส่วนกว่า 70% ในการประกอบ iPhone ส่งออกไปทั่วโลก

ในส่วนของ Chip ที่ Apple ใช้นั้น ส่วนใหญ่ถูกผลิตจากบริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing (TSMC) ซึ่งเป็นผู้ผลิต Chip รายใหญ่กินสัดส่วนการผลิตกว่า 50% ของทั้งโลก โดย TSMC ก็ถือว่าเป็นบริษัทหนึ่งที่พึ่งพารายได้จาก Apple มากถึง 25% เรียกได้ว่าถ้าหาก Apple เริ่มหันมาผลิต Chip ได้ด้วยตัวเองก็อาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของ TSMC ได้เป็นอย่างมาก

ส่วนจอแสดงผล (Display) บริษัทฯ มีการจ้างผลิตเช่นกัน โดย supplier รายใหญ่สุด ณ เวลานี้ที่ใช้กับ iPhone 14 คือ Samsung Display ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ราว 82% รองลงมาคือ LG Display ซึ่งมีสัดส่วนค่อนข้างห่างจากเบอร์หนึ่งอยู่มากที่ 12% และสุดท้ายคือ BOE จากประเทศจีนที่มีส่วนแบ่งอยู่ราวๆ 4% จะเห็นว่าในส่วนของจอแสดงผล supplier ค่อนข้างกระจุกตัวอยู่ที่ Samsung Display ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Samsung Electronics ที่เป็นคู่แข่งหลักในตลาด Smart phone ระดับ Premium ของ Apple 

รายชื่อ Supplier 10 อันดับแรกของ Apple โดยจัดลำดับจากต้นทุนขาย (COGS) ของบริษัท

Apple เผยแผนการใช้จอแสดงผลของตัวเอง เสริมความได้เปรียบในการแข่งขัน

ที่มา: Bloomberg as of 12 ม.ค.2023

Apple ซื้อกิจการที่มีนวัตกรรมเพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยตนเอง สะท้อนความพยายามลดการพึ่งพาปัจจัยการผลิตจากภายนอกบริษัทฯ 

ล่าสุด Bloomberg รายงานว่า Apple มีแผนจะใช้จอแสดงผลที่ออกแบบด้วยตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนัก แต่ก็สร้างความสั่นคลอนให้กับทั้ง Samsung Electronics และ LG Display ไม่น้อย ซึ่งทั้งสองเป็น supplier หลักที่มีรายได้จาก Apple ราว 7% และ 36% ตามลำดับ โดยบริษัทฯ มีแผนจะเริ่มใช้จอแสดงผลที่ออกแบบและพัฒนาด้วยตัวเองกับ Apple Watches ภายใน 2024 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มจากสเกลที่เล็กก่อน เนื่องจากยังมีข้อจำกัดในเรื่องของกำลังการผลิต ซึ่งถ้าจะขยายกำลังไปสู่ระดับ mass production จริงๆ บริษัทฯ อาจจะยังต้องพึ่งพาโรงงานผลิตจากภายนอกอยู่ 

โดยจอแสดงผลนี้จะถูกเปลี่ยนจากแบบ OLED (Organic Light-Emitting Diode) เป็น microLED ที่ Apple ได้มีการซุ่มพัฒนามาหลายปี หลังจากได้มีการเข้าซื้อบริษัท Startup ชื่อ LuxVue ที่เชี่ยวชาญด้านจอแสดงผล ไปเมื่อปี 2014 อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้ทุ่มงบในการสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาสำหรับจอแสดงผลขนาดใหญ่กว่า 62,000 ตารางฟุตใน California เพื่อใช้ในการทดลองผลิตอีกด้วย ซึ่งความพยายามนี้สะท้อนผ่านค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2016 จนในปี 2022 งบประมาณดังกล่าวพุ่งสูงถึง $26 พันล้านเหรียญ ทำให้นักลงทุนอาจมองว่า Apple จริงจังกับเรื่องนี้ และจะสามารถนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์อื่นๆ อย่างเช่น iPhone ได้ในอีกไม่ช้า

ภาพแสดงค่าใช้จ่ายด้านวิจัยและพัฒนาของ Apple ปีบัญชี 2022

Apple เผยแผนการใช้จอแสดงผลของตัวเอง เสริมความได้เปรียบในการแข่งขัน

จะสร้างความได้เปรียบกว่าคู่แข่งได้หรือไม่ จะมีผลต่อกำไรของบริษัทฯ อย่างไร?

หาก Apple ค่อยๆ พัฒนาจนสามารถผลิตชิ้นส่วนบางชนิดได้เองจริงๆ คงจะสร้างความได้เปรียบกว่าคู่แข่งได้ไม่น้อย โดยเฉพาะคู่แข่งหลักอย่าง Samsung ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสำหรับ Smart phone เกรด Premium เป็นอันดับ 2 รองจาก Apple นอกจากจะได้เปรียบได้ด้านเทคโนโลยีที่สามารถออกแบบและพัฒนาได้ด้วยตนเองและได้เปรียบในเรื่องของการควบคุมต้นทุนแล้ว สิ่งนี้ยังสามารถสร้างผลกระทบในเชิงลบต่อรายได้ให้แก่คู่แข่งอย่าง Samsung ได้อีก ในกรณีที่ในอนาคต Apple สามารถพัฒนาจนถึงขั้นใช้จอแสดงผลของตัวเองกับ iPhone ซึ่งปัจจุบันกว่า 80% ใช้จอแสดงผลจากค่าย Samsung ซึ่งจะทำให้บริษัทที่เป็น supplier หลักสูญเสียรายได้ในส่วนนี้ไปค่อนข้างมาก 

โดยความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นนี้จะมีผลต่อรายได้และกำไรของบริษัทฯ หรือไม่ คงต้องให้เวลาเครื่องพิสูจน์ แต่เบื้องต้นก็ได้สะท้อนผ่านมุมมองนักวิเคราะห์จาก Bloomberg ที่ยังคงมองว่า Apple จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์รายได้ปี 2023-2025 เติบโตได้เฉลี่ยได้ราว +5.8% ต่อปี และกำไรต่อหุ้น ปี 2023-2025 เติบโตเฉลี่ยได้ถึง +8.4% ต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับขนาดบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก

ภาพแสดงประมาณการรายได้และกำไรต่อหุ้นโดยนักวิเคราะห์จาก Bloomberg

Apple เผยแผนการใช้จอแสดงผลของตัวเอง เสริมความได้เปรียบในการแข่งขัน

ที่มา: Bloomberg as of 12 ม.ค. 2023

ในช่วง 1 ปี ที่ผ่านมาราคาหุ้น Apple ปรับตัวลงมากว่า -22% จนทำให้ระดับ Valuation โดยพิจารณาจาก Fwd P/E ปรับลดลงมาอยู่ที่ 19.6 เท่า ซึ่งถูกกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปี (ค่าเฉลี่ย 5 ปี อยู่ที่ 20.8 เท่า ข้อมูล ณ วันที่ 12 ม.ค. 2023) ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ก็ยังคงมีแนวโน้มปรับประมาณการณ์กำไรของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นอยู่เสมอ ซึ่งสวนทางกับราคาหุ้นที่ลงมาจากปัจจัยลบชั่วคราว ดังนั้น จากความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพยายามลดการพึ่งพา supplier จากภายนอกที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้น หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาเสมอ ซึ่งล่าสุดมีข่าวว่า จะเปิดตัวอุปกรณ์ VR Headset ภายปีนี้ ก็น่าจะทำให้ Apple สร้างความได้เปรียบมากกว่าคู่แข่ง และสามารถเติบโตและครองส่วนแบ่งการตลาดได้ต่อเนื่องไปอีกไม่ยากในทศวรรษนี้

ที่มา : Bloomberg, apple & List of mergers and acquisitions by Apple

ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมาและพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสมและรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และเว็บไซต์ tiscoasset หรือแอปพลิเคชัน TISCO My Funds