‘หุ้นเวียดนาม’ ดิ่งแรง คอรัปชั่นพ่นพิษ แนะเลี่ยงระยะสั้น

‘หุ้นเวียดนาม’ ดิ่งแรง คอรัปชั่นพ่นพิษ แนะเลี่ยงระยะสั้น

หุ้นเวียดนามกลับมาร่วงอย่างหนักอีกครั้งในช่วงบ่ายของวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม VN 30 ปรับตัวลง 1,000 จุด ปัจจัยที่มากระทบนั้ ไม่ว่าจะเป็นความไม่โปร่งใสในตลาดหุ้นเวียดนาม ระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ที่ธนาคารกลางเวียดนามเร่งจัดระเบียบอย่างเข้มข้น 

ตลาดหุ้นเวียดนาม กลับมาร่วงอย่างหนักอีกครั้งในช่วงบ่ายของวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม VN 30 ปรับตัวลงมาต่ำกว่าระดับ 1,000 จุด ก่อนจะรีบาวด์ขึ้นเล็กน้อยในวานนี้(27ธ.ค.) ซึ่งปัจจัยที่มากระทบนั้นเกิดขึ้นหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความไม่โปร่งใสในตลาดหุ้นเวียดนาม ตลอดจนปัญหาการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ที่ธนาคารกลางเวียดนามกำลังเร่งจัดระเบียบอย่างเข้มข้น 

ขณะเดียวกันเวียดนามยังเผชิญปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ และสินเชื่อที่เริ่มตึงตัว ซึ่งอาจส่งผลต่อการผิดนัดชำระหนี้ได้ โดยนักลงทุนหลายกลุ่มกำลังเฝ้ามองเวียดนามอย่างใกล้ชิด 

บดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการส่วนกลยุทธ์การลงทุน บลจ.ทหารไทยอีสท์สปริง เปิดเผยกับกรุงเทพธุรกิจว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในเวียดนามยังต้องติดตามใกล้ชิด ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่กลางปี 2565 โดยเฉพาะกรณีการผิดชำระหนี้ หรือการคอรัปชั่นของเวียดนามที่เริ่มเป็นข่าวใหญ่ในการระดมทุนตราสารหนี้ ซึ่งทางการเวียดนามพยายามเข้าไปตรวจสอบบริษัทต่าง ๆ ฉะนั้นโอกาสผิดนัดชำระหนี้ (ดีฟอลท์) คิดว่าน่าจะมีแต่จะมูลค่าเท่าไรยังคงต้องติดตามดู อย่างไรก็ตามในเร็วๆ นี้อาจจะยังไม่เห็นการดีฟอลท์เกิดขึ้น เพราะว่าการระดมทุนที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเป็นระยะกลางถึงระยะยาว

ขณะที่เรื่องการจัดระเบียบจะกระทบกับเซนติเม้นท์ของการลงทุนมากกว่า เพราะประมาณ 90% ในตลาดหุ้นเวียดนามส่วนใหญ่เป็นรายย่อย เมื่อรัฐบาลเข้าไปจัดการก็กระทบเป็นวงกว้าง อย่างช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมีการปรับฐานลงมากว่า 3% ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากข่าวดังกล่าว และอีกส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของการหยุดยาวที่คนเวียดนามขายหุ้นออกมาเพื่อรอจังหวะ บวกกับไม่มีสถาบันเข้าไปซื้อด้วย

“เรื่องของการดีฟอลท์เป็นช่วงระยะกลางถึงยาวที่ต้องติดตาม แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการจัดระเบียบตลาดหุ้นเวียดนาม จะมีผลต่ออนาคตตลาดเวียดนามที่จะเข้า อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต(ตลาดเกิดใหม่) รอบที่จะตัดสินต่อไปจะเป็นในช่วงถัดไปคือเดือนมีนาคมปีหน้า จึงเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่เวียดนามกำลังแก้ปัญหาหรือแนวทางให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น”

สำหรับตลาดหุ้นเวียดนามเป็นฟอนเทียมาเก็ต (ตลาดชายขอบ) ที่มีความเสี่ยง มีการทุจริตคอรัปชั่นเกิดขึ้นเรื่อย ๆ แต่เมื่อรัฐบาลเข้ามาจัดระเบียบที่ชัดเจนและเข้มงวดมากยิ่งขึ้นจะส่งผลต่อเซนติเม้นต์ระยะสั้น นักลงทุนระยะสั้นให้ชะลอการลงทุนไปก่อน 3 - 6 เดือน ส่วนนักลงทุนระยะกลางถึงระยะยาวต่ำกว่า 1,000 จุดแนะนำให้ทยอยสะสม ในพอร์ตไม่ควรเกิน 5 - 10% ขณะที่นักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูง เทรดอยู่ในกรอบที่ 980 - 1050 จุด

นธีร์ ใบเจริญ รองผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์การลงทุนและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ไพน์ เวลท์ โซลูชั่น จำกัด บริษัทในเครือ บลจ.วรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาดังกล่าวบริษัทได้ติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะยังมีความกังวลอยู่เช่นกัน แต่มองว่า ยิ่งรัฐบาลเข้ามาดูแลมากเท่าไรยิ่งเป็นเรื่องดี และการที่เวียดนามควบรวมตลาดหุ้นฮานอยด์และโฮจิมินทร์เข้าด้วยกัน เพืื่อกลับเข้าไปเป็นสมาชิกสหพันธ์ตลาดหลักทรัพย์นานาชาติ (World Federation of Exchange หรือ WFE) อีกครั้ง จึงทำให้รัฐบาลเวียดนามมีความเข้มงวดขึ้นที่จะทำให้ตลาดมีความโปร่งใส่มากยิ่งขึ้น 

ส่วนปัญหาการดีฟอลท์ในเวลานี้ถือว่ายังน่ากังวลอยู่ อาจจะมีต่ออย่างพวกหุ้นกู้บางบริษัทหรืออสังหาขนาดเล็ก ส่วนอสังหารายใหญ่ ๆ อาจจะยังไม่ถึงขั้นดีฟอลท์ แต่ล่าสุดธนาคารกลางเวียดนาม ได้ทำการอัดฉีดสภาพคล่องในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์อีกรอบ ไปให้ทางดีเวลลอปเปอร์ปล่อยกู้ได้มากขึ้น แต่การปล่อยกู้มากขึ้นก็จะทำให้กังวลเรื่อง NPL บวกกับกำลังการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคก็ยังไม่มี จึงมองว่าอาจจะต้องมีการปรับลดดอกเบี้ยลงมาอีกรอบหนึ่ง อาจจะต้องทำให้หาจุดสมดุลของภาคอสังหามากขึ้นเพื่อจะทำให้ดีมานด์กลับมาดีขึ้น

‘หุ้นเวียดนาม’ ดิ่งแรง คอรัปชั่นพ่นพิษ แนะเลี่ยงระยะสั้น

“นิเวศน์ เหมวชิรวรากร” นักลงทุนเน้นคุณค่า หรือ วีไอ บอกว่า ภาพรวมตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลงมากว่า 30% แล้ว โดยเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามร่วงแรงกว่า 4% คาดว่านักลงทุนจะกังวลในเรื่องของตลาดพันธบัตรที่ค่อนข้าง “แย่” ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของเวียดนามก็อยู่ในระดับสูง รวมทั้งช่วงก่อนหน้านี้มีประเด็นเรื่องการคอรัปชัน ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจ และทำให้ไม่กล้าที่จะลงทุน

สอดคล้องกับ“ผลตอบแทน” (รีเทิร์น)ในปี 2565 ภาพรวมพอร์ตลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามติบลบเป็นตัวเลขสองหลัก แต่ไม่ติดลบเท่ากับภาพรวมตลาดหุ้นเวียดนามที่ติดลบ 30%

อย่างไรก็ตาม มองว่าประเด็นดังกล่าวเป็นปัจจัยกระทบระยะสั้นเท่านั้น เพราะภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศเวียดนามไม่ได้มีอะไรแย่ ตัวเลขจีดีพีขยายตัวสูง การลงทุนของต่างประเทศสูง ฉะนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากตลาดหุ้นอย่างเดียว คาดว่าในปี 2566 ตลาดหุ้นเวียดนามก็จะกลับมาฟื้นตัวได้

“ปี 65 คงต้องบอกว่าวิกฤติตลาดหุ้นเวียดนาม เนื่องจากดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นมาสูงมาก ขณะที่ตลาดหุ้นไทยก็ติดลบแต่น้อยกว่าตลาดเวียดนาม แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้ลดพอร์ตลงทุนในหุ้นเวียดนาม เนื่องจากมองว่าเป็นปัจจัยลบระยะสั้น อนาคตตลาดน่าจะฟื้นตัวขึ้น”