AEONTS ประมาณการ 3Q65/66: NPL เกิดใหม่ยังสูงอยู่

AEONTS ประมาณการ 3Q65/66: NPL เกิดใหม่ยังสูงอยู่

เราคาดว่ากำไรของ AEONTS ใน 3Q65/66 จะอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท (+17% QoQ, +30% YoY) โดยผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY จะมาจาก

i) กำไรพิเศษประมาณ 210 ล้านบาทจากการขาย NPLs ใน 3Q65/66 (จากที่ไม่ได้ขายออกไปเลยใน 2Q65/66 และ 3Q64/65) ii) สินเชื่อขยายตัว 1% QoQ และ 6% YoY และ iii) credit cost ทรงตัวอยู่ในระดับสูง แต่หากไม่รวมกำไรพิเศษจากการขาย NPLs กำไรจากการดำเนินงานจะทรงตัว QoQ แต่จะเพิ่มขึ้น 6% YoY ใน 3Q65/66 ทั้งนี้ เราคาดว่ากำไรในงวด
9M65/66 จะอยู่ที่ 3.1 พันล้านบาท (+16% YoY)

 

สินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อบัตรเครดิต

ยอดสินเชื่อแทบไม่เปลี่ยนแปลง QoQ และเพิ่มขึ้น 6% YoY ใน 3Q65/66 โดยส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อบัตรเครดิต ซึ่ง yield ต่ำกว่าสินเชื่อ P-Loan ดังนั้น เราจึงคิดว่า yield สินเชื่อรวมทุกประเภทจะอยู่ที่ประมาณ 20-20.3% (ต่ำกว่าไตรมาสที่แล้วที่ 20.40% เล็กน้อย, -21bps YoY) เราคาดว่าต้นทุนการทำ refinance ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 2.83% ใน 3Q65/66 จาก 2.77% ใน 2Q65/66 และ 2.62% ใน 3Q64/65 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทมีการดำเนินโครงการลดต้นทุน จึงทำให้สามารถกดสัดส่วน C/I ให้ลดลงมาอยู่ที่ 35.0% (จาก 36.2% ใน 3Q65/66 และ 37.4% ใน 3Q64/65)

 

 

การขาย NPL ออกไปช่วยหนุนรายได้อื่น ในขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังทรงตัว

กระแส NPL เกิดใหม่ยังคงสูงใน 3Q65/66 เนื่องจากผลกระทบหลังน้ำท่วม ทั้งนี้ ในการบริหารจัดการ NPL บริษัทได้ขาย NPL ออกไปเพิ่มอีกในไตรมาสนี้ประมาณ 2.0 พันล้านบาท (จาก 1.0 พันล้านบาทใน 1Q65/66) ซึ่งการขาย NPL ออกไปจะทำให้บริษัทบันทึกกำไรพิเศษประมาณ 210 ล้านบาท ซึ่งหลังจากที่ขาย NPL ออกไปแล้ว เราคาดว่าสัดส่วน NPL จะยังทรงตัวอยู่ที่ 5.5% ใน 3Q65/66 และสัดส่วน NPL coverage จะอยู่ที่ 204% (ลดลงจาก 207% ในไตรมาสที่แล้ว) โดยอิงจาก credit cost ที่ 7.8% (จาก 7.9%ในไตรมาสก่อนหน้า)

 

ปรับประมาณการกำไรปี 2566/2566 ลง 3% และปี 2566/2567 ลง 6%

สถานการณ์ NPL ดูเหมือนจะเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อกว่าที่คาดเอาไว้ก่อนหน้านี้ ในขณะที่การขยายสินเชื่อเพิ่มจะทำให้พอร์ตสินเชื่อมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เพื่อรักษาระดับผลการดำเนินงานเอาไว้ บริษัทจึงจำเป็นต้องเน้นไปที่การบีบต้นทุนการดำเนินงานให้ลดลง ดังนั้น เราจึงปรับสมมติฐานสำคัญดังนี้ i) ปรับลด yield ปี 2565/2566 ลงเหลือ 20.6%/21.1% (ลดลงจาก 21.5%/21.8%) เนื่องจากสัดส่วนสินเชื่อเปลี่ยนไปเน้นสินเชื่อบัตรเครดิตมากขึ้น ii) ปรับลดสัดส่วน C/I ลงเหลือ 36.2%/37.0% (จากเดิมที่ 37.6%/37.5%) ทั้งนี้ จากความกังวลเกี่ยวกับ NPL ของกลุ่มลูกค้าระดับล่าง เราจึง de-rate PE ลงเหลือ 10.2x (จากเดิมที่ใช้ PE 12.5x) หรือเทียบเท่ากับค่าเฉลี่ยของกำไรปี FY2566-FY2567F -0.5 S.D. ทำให้
ไ ด้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 184 บาท (ลดลงจากเดิมที่ 216 บาท) เราจึงปรับลดคำแนะนำจากซื้อเป็นถือ

 

Risks

อุปสงค์สินเชื่อชะลอตัวลงจากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า, NPLs เพิ่มขึ้น