Sideways Up ซื้อเก็งกำไร ESSO PRM NEX (24 พ.ย. 65)

Sideways Up ซื้อเก็งกำไร ESSO PRM NEX (24 พ.ย. 65)

คาดดัชนีฯ Sideways Up แนวต้าน 1,635/1,640 จุด แนวรับ 1,611 (EMA 50 สัปดาห์)/1,600 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไร ESSO PRM NEX ทางเทคนิค ดัชนีฯ มีโอกาส แกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,630–1,635 จุด หากผ่านไปได้ จะเป็นสัญญาณซื้อเพิ่ม

โมเมนตัมลงทุนวันนี้เป็น Slightly Positive จากสัญญาณ FOMC Minutes วานนี้ ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจชะลอเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ไฮไลท์วันนี้ คือ US: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า; Thailand: ดุลการค้าเดือน ต.ค. คาดขาดดุล -USD1.15bn. (Vs เดือน ก.ย. -USD0.85bn.) ส่งออก +6.0% YoY นำเข้า +10% YoY (Vs เดือน ก.ย. +7.8% YoY และ +15.6% YoY) Opportunity Day: CPALL COLOR PTTGC LHK BTS BTSGIF PYLON WPH LALIN TQM THCOM ILM SICT GLORY WHAUP; Japan: รายงานภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือน พ.ย. คาดลดลง MoM เป็น 50.8 และ 53 (Vs เดือน ต.ค. 50.7 และ 53.2); Germany: Ifo Business Climate เดือน พ.ย. คาดดีขึ้น MoM เป็น 85 (Vs เดือน ต.ค. 84.3)

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ 

+ KTX Portfolio: พอร์ต Big Cap แนะนำ CRC AWC CK TCAP BEM CPALL AOT BBL EA CPN MINT KTB TTB BDMS PLANB (ขำย CPALL ซื้อ BBL)

+ Daily Recommendations: ESSO (ได้รับปัจจัยบวกจากค่าการกลั่นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก USD3.53/บาร์เรล ณ วันที่ 28 ต.ค. เป็น USD10.14/บาร์เรล ทำให้แนวโน้มกำไร 4Q22E มีโอกาสฟื้นตัว QoQ) PRM (แนวโน้มกำไร 4Q22E เติบโตต่อาเนื่องจากการรับรู้รายได้ของเรือลำใหม่ รวมถึงรายได้จากธุรกิจขนส่งน้ำมันยังได้อานิสงส์จากช่วง High Season ของการท่องเที่ยว) NEX (แนวโน้มกำไรเติบโตต่อเนื่องใน 4Q22E หลังจากโรงงานสามารถผลิตได้เต็มไตรมาส)

+ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022: CRC HMPRO BJC MAKRO CPALL

+ FTSE Rebalance Index มีผลต่อราคาปิดในวันที่ 16 ธ.ค.: TLI BANPU MINT

+ หุ้นได้ประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น: CENTEL ERW AOT BAFS AAV SPA

 

 

ปัจจัยบวก

+ FOMC Minutes: เฟดเปิดเผยผลการประชุมเดือน พ.ย. มีการส่งสัญญาณลดขนาดการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. ตามที่ตลาดคาด ซึ่งช่วยลดความการกังวลของตลาดต่อการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด สะท้อนจากการตอบรับเชิงบวกของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในค่ำคืนที่ผ่านมา และ Fed Fund Futures by CME Group บ่งชี้ว่า มีโอกาสสูงที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed Funds Rate ที่ 0.50% ในการประชุมเดือน ธ.ค. 2022

 

ปัจจัยลบ

- US: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 24 พ.ย. 1 วัน และวันศุกร์ที่ 25 พ.ย. ครึ่งวัน เนื่องจากเป็นวัน Thanksgiving ทำให้ปริมาณการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติมีแนวโน้มลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันการปรับขึ้นของตลาดในระยะสั้น

 

ประเด็นสำคัญ

- US: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

- Thailand: Opportunity Day: CPALL COLOR PTTGC LHK BTS BTSGIF PYLON WPH LALIN TQM THCOM ILM SICT GLORY WHAUP; ดุลการค้าเดือน ต.ค. คาดขาดดุล -USD1.15bn. (Vs เดือน ก.ย. -USD0.85bn.) ส่งออก +6.0% YoY นำเข้า +10% YoY (Vs เดือน ก.ย. +7.8% YoY และ +15.6% YoY)

- Japan: รายงานภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือน พ.ย. คาดลดลง MoM เป็น 50.8 และ 53 (Vs เดือน ต.ค. 50.7 และ 53.2)

- Germany: Ifo Business Climate เดือน พ.ย. คาดดีขึ้น MoM เป็น 85 (Vs ต.ค.84.3)

 


 

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

+ ตลาดหุ้นไทยกลับมาปิดบวก: การลุ้นข่าวดีรายงาน FOMC Minutes อาจชะลอเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นไทย โดยดัชนีฯ เคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นตลอดการซื้อขายกรอบ 1,617.56-1,626.22 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 1,624.40 จุด +9.07 จุด วอลุ่มซื้อขาย 6.4 หมื่นล้านบาท นำขึ้นโดยกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค +1.63% ยานยนต์ +1.3% เงินทุนและหลักทรัพย์ +0.79% ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ +0.7% หุ้นบวก >4% PTTEP TH ITNS SPRC TEAM ESSO MAJOR COMAN TKT BGT AMARC NUSA หุ้นลบ >4% JKN MORE HEMP WIN

+ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก: DJIA +0.28% S&P500 +0.59% NASDAQ +0.99% ปิดบวก หลังจาก FOMC Minutes มีการส่งสัญญาณการลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. ฉุด US10Y Bond Yield ปรับตัวลดลง -5bps หนุนหุ้นกลุ่มเทคฯ ปิดบวก (หุ้นเทสลา +7.82%, หุ้นอัลฟาเบท +1.45%, หุ้นแอมะซอน +1%, หุ้นเมตา แพลตฟอร์ม +0.72% และหุ้นแอปเปิล +0.59%) ส่วนหุ้นยุโรป CAC40 +0.32% DAX +0.04% FTSE +0.17% ได้แรงหนุนจาก หุ้นกลุ่มเหมืองฯ ชดเชยการปิดลบของหุ้นเครดิตสวิส

+/- ราคาน้ำมันดิบปิดลบและทองปิดบวก: WTI -USD3.01 ปิดที่ USD77.94/บาร์เรล Brent -USD2.95 ปิดที่ USD85.41/บำร์เรล หลังมีรายงานว่ากลุ่มประเทศ G7 เตรียมกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียไม่ให้เกิน USD70/บาร์เรล รวมถึงแรงกดดันจากสต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้นมากกว่าคาด (+3.1 ล้านบาร์เรล vs คาด +2 แสนบาร์เรล) รวมทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในจีน ส่วนราคาทองคำ +USD5.70 ปิดที่ USD1,745.60 คลายแรงกดดันจาก US Bond Yields ที่ปรับตัวลดลง

 

ประเด็นสำคัญ

- OECD: องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) คาดการณ์ว่าการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทั่วโลกในปี 2023 จะชะลอตัวลงสู่ระดับ 2.2% จากระดับ 3.1% ในปี 2022 เนื่องจากผลกระทบของการที่ธนาคารกลางทั่วโลกพากันใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน เพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยระบุว่าสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นนั้น มาจากผลกระทบของการที่รัสเซียทำสงครามกับยูเครน

- US: EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง -3.7 ล้านบาร์เรล (Vs คาด -8 แสนบาร์เรล) ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น +3.1 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่แล้ว (Vs คาดว่า +2 แสนบาร์เรล) ส่วนสต็อกน้ำมันดิบในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) ลดลง -1.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 390.5 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 1984

+ US: PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 46.3 ในเดือน พ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 48.2 ในเดือนต.ค. โดยถูกกดดันจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน แม้ว่าภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นสำหรับช่วง 12 เดือนข้างหน้า

+/- EU: แหล่งข่าวจากสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยว่า กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั้ง 7 หรือ G7 เตรียมกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียในกรอบ 65-70 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ส่งผลให้บริษัทเดินเรือ, บริษัทประกันวินาศภัย และบริษัทประกันภัยต่อ ไม่สามารถให้บริการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งคาร์โกน้ำมันรัสเซียที่มีราคาสูงกว่าเพดานที่ G7 และพันธมิตรกำหนดไว้

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: TRUE BJC MAKRO

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: ESSO PRM NEX

Derivatives: แนะเปิด Long S50Z22 เก็งกำไรสั้นๆ