กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ เทรดไซด์เวย์ต่อ ปัจจัยเศรษฐกิจโลกยังมึความไม่แน่นอนสูง

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ เทรดไซด์เวย์ต่อ ปัจจัยเศรษฐกิจโลกยังมึความไม่แน่นอนสูง

SET Index น่าจะแกว่งตัวในกรอบต่อไป ความกังวลที่เพิ่มขึ้นต่อเศรษฐกิจโลก กดจิตวิทยาตลาดในสัปดาห์ที่แล้ว ตลาดหุ้นไทยย่อตัวลงผิดคาดเพราะกระแสเงินทุนจากต่างชาติพลิกกลับเป็นขายสุทธิ

เนื่องจาก i) ค่าเงินบาทพักตัวหลังจากที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยดีดตัวขึ้นหลังจากที่ลดลงในช่วงก่อนหน้า ii) นักลงทุนกลับมาระมัดระวังมากขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจโลก หลังจากที่มีความน่าจะเป็นมากขึ้นที่ EU และอังกฤษจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยประกอบกับสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศจีนรุนแรงมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ประเด็นในประเทศเกี่ยวกับหุ้น ‘MORE’ ก็ฉุดรั้งภาวะตลาด โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มที่มีขนาดเล็กถึงกลาง

 

สำหรับในสัปดาห์นี้ เราคาดว่าดัชนี SET จะอยู่ในโหมด sideways ในขณะที่ตลาดการเงินยังคงเตรียมตัวสำหรับภาวะเงินเฟ้อสหรัฐที่คลายตัวลง และจังหวะการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ที่ชะลอลง ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์ในตลาด อย่างเช่น อัตราดอกเบี้ยสุดท้าย (terminal interest rate) จะอยู่ที่ 5.00-5.25% หรือเกินกว่านั้น สำหรับในระยะสั้น ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยกลับมากดดันตลาดอีกครั้ง หลังจากที่เริ่มมีสัญญาณว่าจะเกิดภาวะถดถอยขึ้นในยุโรป ประกอบกับมีประเด็นเรื่อง COVID ที่จีนด้วย นอกจากนี้ ดัชนี Dollar Index และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐซึ่งลดลงอย่างมาก
ในช่วงหลายสัปดาห์มานี้ อาจจะทุเลาลงบ้าง ดังนั้น เราจึงมองว่าภาวะความเสี่ยงในตลาดโลกสัปดาห์นี้อยู่ในระดับกลาง ๆ ซึ่งจะจำกัด upside ในระยะสั้นของหุ้น

 

 

 

ติดตามประมาณการใหม่ของ OECD, รายงานการประชุม Fed และตัวเลข GDP ของไทย

ปัจจัยภายนอก: ประมาณการเศรษฐกิจโลกของ OECD และรายงานการประชุม FOMC มีสองเหตุการณ์ใหญ่ในสัปดาห์ที่สั้นกว่าปกติของสหรัฐ (มีวันหยุด Thanksgiving) ได้แก่ การปรับประมาณการเศรษฐกิจของ OECD ในวันที่ 22 พฤศจิกายน ซึ่งคาดว่าจะปรับลดประมาณการ GDP โลกลงจากประมาณการในปัจจุบันที่ 3.0% ในปี 2565 และ 2.2% ในปี 2566 ส่วนเหตุการณ์ที่สองคือรายงานการประชุม Fed นัดที่ประชุมไปเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ซึ่งจะเผยแพร่ในวันที่ 23 พฤศจิกายน และน่าจะให้ข้อมูลเชิงลึกมากขึ้นเกี่ยวกับมุมมองของ Fed ต่อการดำเนินนโยบายในอนาคต

ปัจจัยภายใน: ตัวเลข GDP 3Q65 และการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน USD/THB ในวันนี้สภาพัฒน์ฯ จะรายงานตัวเลข GDP 3Q65 ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ของเรา และ consensus คาดว่าจะขยายตัว 4.4% YoY เร่งตัวขึ้นอย่างมากจาก 2.5% YoY ใน 2Q65 และมีโอกาสสูงที่จะมีการปรับเพิ่มประมาณการอัตราการขยายตัวของ GDP ปี 2565 จากปัจจุบันที่ 2.8% ในขณะเดียวกัน นักลงทุนยังควรติดตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท ซึ่งหากพลิกกลับมาอ่อนค่าอาจจะทำให้กระแสเงินทุนจาก
ต่างชาติ และดัชนี SET กลับมาผันผวนอีกได้

 

 

 

หุ้นไทยมี downside จำกัด เราแนะนำให้สะสมหุ้นในธีมธนาคาร การบริโภค และท่องเที่ยว

ดังที่เราได้ระบุเอาไว้ในบทวิเคราะห์กลยุทธ์ฉบับก่อน ๆ ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยที่ลดลงอย่างมากจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากการปรับลดประมาณการ EPS ของหุ้นบางตัวลง ดังนั้น ราคาหุ้นในตลาดไทยจึงน่าจะยังยืนได้ในเชิงการวิเคราะห์ earnings yield gap (EYG) ดังนั้น เราจึงมองว่าดัชนี SET มี downside จำกัด และแนะนำให้ซื้อสะสม โดยกลุ่มที่เราชอบมากที่สุดได้แก่ กลุ่มธนาคารการบริโภค และการท่องเที่ยว แม้ว่าหุ้นอาจจะเชิญกับความผันผวนในระยะสั้น จากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ COVID ที่รุนแรงมากขึ้นในประเทศจีน ทั้งนี้ หุ้นเด่นของเราได้แก่ BBL*, KTB*, CPALL*, HMPRO*, PLANB*, AOT*, BDMS* และ PTG*