MAKRO ผลประกอบการ 3Q65: ทรงตัวทั้ง YoY และ QoQ

MAKRO ผลประกอบการ 3Q65: ทรงตัวทั้ง YoY และ QoQ

กำไรสุทธิของ MAKRO ใน 3Q65 อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท (+2% YoY, +2%QoQ) ซึ่งเป็นไปตามBloomberg consensus และทำให้กำไรสุทธิในงวด 9M65 อยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท (+14% YoY) และคิดเป็น 73% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา

Impact

ธุรกิจค้าส่ง: ยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นหักกลบไปกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในช่องทางออนไลน์ยอดขายใน 3Q65 เพิ่มขึ้นเป็น 6.03 หมื่นล้านบาท (+12% YoY, +2% QoQ) เนื่องจาก SSSG และการขยายสาขา (เป็น 147 เมื่อสิ้นงวด 3Q65 จาก 138 สาขาเมื่อสิ้นงวด 3Q64 และ 147 สาขาเมื่อสิ้นงวด 2Q65) โดย SSSG ใน 3Q65 เพิ่มขึ้นเป็น 8.9% (จาก 1.3% ใน 3Q64 และ 7.4% ใน 2Q65) ทั้งนี้ ยอดขายฟื้นตัวขึ้นตามการเปิดประเทศ และกิจกรรมทางธุรกิจที่กลับมา ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นใน 3Q65 อยู่ที่ 10.6% (+0.1ppts YoY, +0.7ppts QoQ) เนื่องจาก product mix ดีขึ้น ทั้งนี้ อาหารสดคิดเป็น 41.7% ของยอดขายรวมใน 3Q65 จาก 40.2% ใน 3Q64 ในขณะที่อาหารแห้งคิดเป็น 51% ของยอดขายรวมใน 3Q65 จาก 52.5% ใน 3Q64 ส่วนค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่มขึ้นเป็น 5.7 พันล้านบาท (+23% YoY, +7% QoQ) เพราะค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทั้งในการขยายสาขา, ค่าไฟฟ้า, ภาษีอสังหาริมทรัพย์, และต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับช่องทางออนไลน์ ดังนั้น กำไรสุทธิของธุรกิจค้าส่งจึงทรงตัว YoY แต่เพิ่มขึ้น 16% QoQ

 

 

 

ธุรกิจค้าปลีก: ถูกกดดันจากต้นทุนทางการเงิน

รายได้ใน 3Q65 อยู่ที่ 4.95 หมื่นล้านบาท (+6% YoY, -8%QoQ) จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นผ่านทุกช่องทางการจัดจำหน่าย โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ (โตถึง 60% YoY และคิดเป็นประมาณ 5% ของยอดขายรวม) ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นใน 3Q65 เพิ่มขึ้นเป็น 19.1% จาก 18.2% ใน 2Q65 ในขณะที่รายได้จากค่าเช่าเพิ่มขึ้นเป็น 3.3 พันล้านบาท (+54% YoY, +10% QoQ) เนื่องจาก occupancy rate เพิ่มขึ้น (อยู่ที่ประมาณ 91% ใน 3Q65 จากระดับก่อน COVID ระบาดที่ประมาณ 96%) และมีการให้ส่วนลดค่าเช่าน้อยลง (จากประมาณ 15% เหลือเป็นเลขหลักเดียวสูง ๆ) ส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ยังคงใกล้เคียงกับในไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ประมาณ 1.04 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการขยายสาขา,ระบบ IT ใหม่, ต้นทุนการทำ rebrand ดังนั้น กำไรสุทธิของธุรกิจค้าปลีกจึงอยู่ที่ 29 ล้านบาทเนื่องจากต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น

 

 

 

 

 

 

Valuation & action

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” MAKRO โดยประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 40 บาท อิงจาก PER ที่ 35.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีตของ MAKRO และ C.P. All (CPALL.BK/CPALL TB)* +1.0 S.D.) เรามองว่าผลการดำเนินงานกำลังดีขึ้น ในขณะที่แรงกดดันจากต้นทุนการเงินที่เพิ่มขึ้นยังเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามต่อไป

 

Risks

เศรษฐกิจชะลอตัวลง, ราคาสินค้าเกษตรลดลง, ขยายสาขาได้น้อยกว่าแผนที่กำหนดไว้, disruption ที่เกิดจากเทคโนโลยีใหม่, ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการขยายกิจการในต่างประเทศ