SCGP ผลประกอบการ 3Q65: เดินหน้าเต็มตัว!

SCGP ผลประกอบการ 3Q65: เดินหน้าเต็มตัว!

ผลประกอบการ 3Q65 – กำไรดีเกินคาดเป็นครั้งแรกในรอบปี 2565  กำไรสุทธิใน 3Q65 อยู่ที่ 1.84 พันลบ. (-1% QoQ, +3% YoY) ดีกว่าประมาณการของเราและตลาด 6-7%จากกำไร FX สูงเกินคาด

แต่หากไม่รวมกำไร FX 244 ลบ.และ earn-out gains 82 ลบ. กำไรหลักจะอยู่ที่ 1.51 พันลบ. (-21% QoQ, -2% YoY) โดยกำไรที่ลดลงทั้ง QoQ และ YoY เพราะต้นทุนสูง ยอดขายหลายธุรกิจลดลง และ ASP ในบางกลุ่มลดลง โดยเฉพาะในธุรกิจ IPB จากจีนที่ใช้มาตรการ lockdown เป็นช่วง ๆ และภาวะภัยแล้ง ถึงแม้ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 19% YoY เพราะมีการรวมดีล M&A เข้ามาในงบรวม (+4% YoY จากการเติบโตแบบ organic) แต่ EBITDA margin ยังอยู่ที่ 14.5% (จาก 14.4% ใน 2Q65 และ 15.4% ใน 3Q64) โดย EBITDA margin ของธุรกิจ IPB ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 13.4% (จาก 12.2% ใน 2Q65) เนื่องจากมี earn-out gain จาก Intan ในขณะที่ EBITDA margin ของธุรกิจ FB เพิ่มขึ้นเป็น 18.7% (จาก 17.8% ใน 2Q65) เนื่องจาก ASP สูงขึ้น และต้นทุนค่าระวางลดลง ทั้งนี้ ในเดือนกรกฎาคม 2565 SCGP ได้เริ่มรวมผลการดำเนินงานของ Peute ซึ่งมี EBITDA margin ต่ำเข้ามาในงบรวมของบริษัท

 

มองบวกแม้จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย

SCGP ยังมองบวกกับการเติบโตแบบ inorganic และ synergies ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป โดยบริษัทยังคงงบ capex เอาไว้เท่าเดิมที่ปีละ 2 หมื่นลบ. ทั้งนี้ในภาวะที่เงินเฟ้อ และต้นทุนพลังงานสูงขึ้น ผู้บริหารหวังว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้นจากที่จีนผ่อนคลายมาตรการ lockdown รวมถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจน่าจะเพิ่มขึ้น และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม ASEAN ซึ่งจะทำให้แนวโน้มอุปสงค์บรรจุภัณฑ์ดูสดใสมากขึ้น และส่งผลดีต่อผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่โยงกับผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ปัจจัยความท้าทายที่สำคัญยังคงอยู่ที่สถานการณ์เศรษฐกิจของจีน ซึ่งอาจจะทำให้มีการ rerate หรือ
derate จากผลการดำเนินงานของบริษัทที่แข็งแกร่ง หรือ อ่อนแอเกินคาดก็ได้

 

 

 

 

 

กำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ

จากกำไร 9M65 คิดเป็น 66% ของประมาณการกำไรหลักในปี 2565F ของเรา ดังนั้น เราจึงปรับลดกำไรจากหลักปีนี้ลง 8% เพื่อสะท้อนถึง ASP และปริมาณยอดขายที่ลดลงจากเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า เรายังคงประมาณการกำไรปี 2566-67F (+20% YoY / +14% YoY) จากต้นทุนมีแนวโน้มลดลง ขณะที่น่าจะยืนราคาขายเอาไว้ได้ และอุปสงค์ฟื้นตัวขึ้น เราคาดกำไรหลัก 4Q65F จะดีดตัวขึ้น QoQ เป็น 2.0-2.1 พันลบ.จากต้นทุนลดลง และปัจจัยฤดูกาล ซึ่งจะมีน้ำหนักกว่าเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า ทั้งนี้ ราคากระดาษรีไซเคิล (AOCC) ซึ่งลดลงมาอยู่ที่ US$200/ton ใน 3Q65 ยังลดลงมาอยู่ที่ ~US$130-140/ton ในเดือนต.ค. 2565 ขณะที่ราคากระดาษบรรจุภัณฑ์ (testliner) ลดลงช้ากว่า ดังนั้น เราจึงคาดว่า spread ของกระดาษน่าจะกว้างขึ้น นอกจากนี้ เรายังมองว่าจะมีอุปสงค์สำหรับช่วงเทศกาลใน 4Q65 และลูกค้าอาจจะมีการตุนสต็อก ในขณะที่ดัชนีเรือคอนเทนเนอร์ และราคาถ่านหินที่ลดลงน่าจะส่งทยอยส่งผลดีต่อ SCGP ด้วย

 

Valuation and action

เรายังคงคำแนะนำซื้อ โดยปรับลดราคาเป้าหมายปี 2566 ลงเหลือ 63 บาท จากเดิมที่ 65 บาท เพื่อสะท้อนถึงการปรับลดประมาณการกำไรลง ทั้งนี้ เนื่องจากผลประกอบการมีแนวโน้มจะฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ 4Q65 เป็นต้นไป ราคาหุ้นจึงน่าจะเร่งตัวขึ้นตามไปด้วย เรายังคงมองบวกกับปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวของ SCGP ในขณะที่ผลประกอบการรายไตรมาสน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปเรียบร้อยแล้ว

 

Risks

ความผันผวนของวัตถุดิบและพลังงาน, การด้อยค่าของสินทรัพย์ M&As, และความเสี่ยงของประเทศ