Sideways Down ซื้อเก็งกำไร BBL WHA ERW (17 ต.ค. 2565)

Sideways Down ซื้อเก็งกำไร BBL WHA ERW (17 ต.ค. 2565)

คาดดัชนีฯ Sideways Down แนวต้าน 1,569/1,579 จุด แนวรับ 1,556/1,550 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไร BBL WHA ERW ทางเทคนิค อาจเกิดรูปแบบขาขึ้น Double Bottom แบบ W-Shape ไปที่ 1,597 จุด หากดัชนีฯ ปิดบวกได้ในวันนี้ ในทางตรงกันข้ามจะเกิดสัญญาณขายรอบใหม่หากหลุดแนวรับ 1,556 จุด

โมเมนตัมบวก คือ แรงซื้อคืนหุ้นที่ร่วงแรง เพื่อรอลุ้นรายงานผลกำไรบจ. (สถิติย้อนหลัง 5 ปี และ 2 ไตรมาสของ US พบว่า รายงานกำไรดีกว่าคาด 8% YoY และ 4% YoY) ไฮไลท์วันนี้ คือ China การประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ เพื่อเลือกผู้บริหาร (จนถึงวันที่ 22 ต.ค.), FDI YTD เดือน ก.ย. คาด +15% YoY (Vs เดือน ส.ค. +16.4% YoY); US รายงาน NY Empire State Mfg Index เดือน ต.ค. คาด -1 (Vs เดือน ก.ย. -1.5) รายงาน 3Q22E Earnings Results: Bank of America, Bank of NY; EU รมว.ตปท. อียู ประชุมที่ลักเซมเบิร์ก หารือเรื่องการโจมตียูเครนของรัสเซีย

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ

+ KTX Portfolio: พอร์ต Big Cap แนะนำ GULF CRC AWC TCAP CENTEL BH BEM AOT BBL EA WHA CPN KTB BDMS (ขาย PTG ซื้อ MAJOR)

+ Daily Recommendations: BBL (คาดกำไร 3Q22E โต +13.9% QoQ และ +14.7% YoY) WHA (คาดกำไร 3Q22E โต +94.5% QoQ และ +251.2% YoY) ERW (คาดกำไร 3Q22E โต +107.9% QoQ และ +101.8% YoY)

+ หุ้นได้ประโยชน์จาก Bond Yields ขาขึ้น: BBL TTB TLI BLA

+ หุ้นได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ฟื้นตัว: PTTEP ESSO SPRC

+ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการซ่อมแซมบ้านเรือนหลังน้ำท่วม: GLOBAL HMPRO DOHOME

+ หุ้นได้ประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น: CENTEL ERW AOT BAFS AAV SPA

 

ปัจจัยลบ

- Fund Flow: นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 7 -4,783 ล้านบาท สะสม 7 สัปดาห์ ขายสุทธิ –24,899 ล้านบาท ส่วนตลาดอนุพันธ์ เปิด Short SET50 Index Futures เป็นสัปดาห์ที่ 5 -44,798 สัญญา สะสม 5 สัปดาห์ เปิด Short สะสมสูงถึง -241,504 สัญญา

 

 

 

ปัจจัยบวก

+ US: 3Q22E Earnings Results Factset คาดบจ.ที่คำนวณในดัชนี S&P500 จะรายงานกำไรเติบโต +1.6% YoY ณ วันที่ 14 ต.ค. (แย่สุดนับตั้งแต่ 3Q20) ซึ่งลดลงมากเมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือน มิ.ย. ที่คาด +9.9% YoY ทั้งนี้ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่าการประกาศงบการเงินส่วนใหญ่จะออกมาสูงกว่าคาดการณ์เฉลี่ย +8.7% เทียบกับการประเมิน ณ สิ้นไตรมาส ส่งผลกำไรสูงกว่าประมาณการ +8ppts และมี 77% ของบจ. รายงานกำไรดีกว่าคาดการณ์ (Earnings Surprise) แต่หากอิงกับช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา (1Q&2Q22) พบว่ากำไรจะออกมาเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยเพียง +4% เทียบกับการประเมิน ณ สิ้นไตรมาส ส่งผลกำไรสูงกว่าประมาณการ +3.5ppts และมี 76% ของบจ. รายงานกำไรดีกว่าคาดการณ์

 

ประเด็นสำคัญ

- China: การประชุมพรรคคอมมิวนิสต์เพื่อเลือกผู้บริหาร (จนถึงวันที่ 22 ต.ค.), FDI YTD เดือน ก.ย. คาด +15% YoY (Vs เดือน ส.ค. +16.4% YoY)

- US: NY Empire State Mfg Index เดือน ต.ค. คาด -1 (Vs เดือน ก.ย. -1.5)

- US: รายงาน 3Q22E Earnings Results: Bank of America, Bank of NY

- EU: รมว.ตปท. อียู ประชุมที่ลักเซมเบิร์ก หารือเรื่องการโจมตียูเครนของรัสเซีย

 

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

- ตลาดหุ้นไทยปิดลบเป็นวันที่ 4: การชะลอการลงทุนก่อนช่วงเทศกาลวันหยุดยาว ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ 1,557.74-1,567.03 จุด ตลอดการซื้อขาย ก่อนปิดตลาดที่ 1,560.78 จุด -1.90 จุด วอลุ่มซื้อขายเบาบาง 4.7 หมื่นล้านบาท นำลงโดยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -3.48% บรรจุภัณฑ์ -1% วัสดุก่อสร้าง -0.92% ขนส่งและโลจิสติกส์ -0.31% หุ้นบวก >4% JMT MORE SIRI KWI CPH THANA W SE หุ้นลบ >4% SPACK BYD 24CS PROEN U TKT SELIC UMI JTS

 

 

+/- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ แต่ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาปิดลบ หลังยิลด์พันธบัตรสหรัฐฯ และค่าเงิน USD กลับมาแข็งค่า รับรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค. ดีกว่าคาดเป็น 59.8 (Vs คาด 59 และเดือน ก.ย. 58.6) และการคาดการณ์เงินเฟ้อในช่วง 1 ปี และ 5 ปีข้างหน้า สูงขึ้นกว่าคาดเป็น 5.1% และ 2.9% (Vs เดือน ก.ย. 4.7% และ 2.7%) ส่งผล DJIA -1.34% S&P500 -2.37% NASDAQ -3.08% (ทั้งสัปดาห์ปิดคละ DJIA +1.15% WoW S&P500 -1.55% WoW NASDAQ -3.11% WoW) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก CAC40 +0.9% DAX +0.67% FTSE +0.12% รับข่าวประธานาธิบดีปูติน เผยไม่มีความจำเป็นต้องทำการโจมตียูเครนครั้งใหม่ และนายกฯ อังกฤษ นางลิซ ทรัสส์ ประกาศยกเลิกแผนปรับลดภาษี (ภาษีนิติบุคคลจะปรับขึ้นเป็น 25% เช่นเดิม จากเดิมจะถูกตรึงไว้ที่ 19%) และเปลี่ยนตำแหน่งรมว.คลัง มาเป็นนายเจเรมี ฮันท์ อดีตรมว.ตปท. ส่วนปัจจัยลบ คือ แผนซื้อพันธบัตรฉุกเฉินของธนาคารกลางสิ้นสุดลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งผลต่อยิลด์พันธบัตรและค่าเงินปอนด์อังกฤษปรับลดลง (ทั้งสัปดาห์ปิดคละ FTSE -1.89% WoW CAC40 +1.11% WoW DAX +1.34% WoW)

- ราคาน้ำมันดิบและทองคำปิดลบ: WTI -USD3.5 ปิดที่ USD85.61/บาร์เรล Brent -USD2.94 ปิดที่ USD91.63/บาร์เรล เป็นผลจากการแข็งค่าของเงิน USD +0.84% แตะ 113.30 และ IEA OPEC ปรับลดคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันดิบโลกลดลง จากปัญหาด้านเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้น ส่วนราคาทองคำดิ่งแรง -USD28.10 ปิดที่ USD1,648.90/ออนซ์ จากการแข็งค่าของเงิน USD และแรงขายทองคำในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังรายงานเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีกว่าคาด (ทั้งสัปดาห์ น้ำมันดิบกลับมาปิดลบครั้งแรกรอบ 3 สัปดาห์ WTI -7.59% WoW Brent -6.42% WoW ทองคำกลับมาปิดลบเป็นสัปดาห์แรกรอบ 3 สัปดาห์ -3.53% WoW)

 

ประเด็นสำคัญ

- Thailand: ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาเรื่องให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา ฉบับใหม่ ให้คิดดอกเบี้ยแบบ “ลดต้น ลดดอก” มีผลบังคับใช้ในอีก 90 วัน นับแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา (12 ต.ค. 2022) เป็นต้นไป หรือประมาณวันที่ 11 มกราคม 2023 พร้อมกำหนดอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อสำหรับรถยนต์ใหม่ต้องไม่เกินอัตรา 10% ต่อปี รถยนต์ใช้แล้วต้องไม่เกินอัตรา 15% ต่อปี และรถจักรยานยนต์ต้องไม่เกินอัตรา 23% ต่อปี ระบุชัดหากปิดบัญชีก่อน ต้องให้ “ส่วนลด” กับผู้เช่าซื้อด้วย

- US: กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 8.2% ในเดือน ก.ย. เมื่อเทียบรายปี โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.1% เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือน ก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% ขณะเดียวกันดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 6.6% ในเดือน ก.ย. เมื่อเทียบรายปี โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.5% เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง

- US: กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกทรงตัวในเดือน ก.ย. หรือเพิ่มขึ้น 0.0% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือน ส.ค. ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือน ก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือน ส.ค.

- US: ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ระบุว่าผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะแตะระดับ 5.1% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า โดยสูงกว่าระดับ 4.7% ที่มีการสำรวจในเดือน ก.ย. สำหรับในช่วง 5 ปีข้างหน้า ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะแตะระดับ 2.9% โดยสูงกว่าระดับ 2.7% ที่มีการสำรวจในเดือน ก.ย.

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: BBL CK AOT

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: BBL WHA ERW