Report & Corporate News (20 กันยายน 2565)

Report & Corporate News (20 กันยายน 2565)

STEC อยู่ในจุดที่เริ่มเห็นการฟื้นตัว, PTG ตั้งเป้ายอดขายร้านกาแฟพันธุ์ไทย ปี 65 เติบโตแตะ 1,200 ล้านบาท, BA ได้รับอานิสงส์จากผู้โดยสารต่างชาติอย่างในยุโรปหนีอากาศหนาวและวิกฤติพลังงานเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น

STEC

Maintained

BUY

TP: 15.70 บาท

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ STEC มากขึ้น หลังได้มีการเข้าร่วมประชุมกับทางบริษัท ความกังวลเรื่องการขาดแคลนแรงงานได้คลี่คลายไปบางส่วน ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบในการก่อสร้างที่ปรับตัวลง และมียอด backlog ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ที่จะมีการประมูลใน 4Q22 และยังมีการเซ็นสัญญากับโครงการพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ทั้งนี้ STEC อยู่ในจุดที่เริ่มเห็นการฟื้นตัว คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย: 15.70 บาท

PTG

บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายร้านกาแฟพันธุ์ไทย ปี 65 เติบโตแตะ 1,200 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกทำรายได้แล้วที่ 480 ล้านบาท หรือเติบโตเป็นเท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าครึ่งปีหลังจะเติบโต 120% จากครึ่งปีแรก หลังจาก 2 เดือนแรกของไตรมาส 3/65 มีรายได้แล้ว 230 ล้านบาท การเติบโตของกาแฟพันธุ์ไทยมาจากการขยายสาขาทั้งในและนอกสถานีบริการน้ำมัน โดยปี 65 บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาให้ครบ 1,500 สาขาทั่วประเทศ จากปัจจุบันมีสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยที่เปิดให้บริการกว่า 500 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่อยู่ในสถานีบริการน้ำมัน 70% และสาขาที่อยู่นอกสถานีบริการ 30% (อินโฟเควสท์)

BA

บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เปิดเผยว่า ปัจจุบันสายการบินบางกอกแอร์เวยส์ได้กลับมาบินแล้ว 50% ของปี 62 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ขณะที่ภาพรวมสายการบินในประเทศกลับมาแล้ว 70-80% แต่เนื่องจาก BA มีสัดส่วนจากผู้โดยสารต่างชาติสูงกว่าสายการบินอื่น โดยอยู่ที่ 70% (ในปี 62) ซึ่งปัจจุบันกลับมาเพียง 20% อย่างไรก็ตามยอดจองตั๋วล่วงหน้าของผู้โดยสารต่างชาติในไตรมาส 4/65 ขึ้นมา 50% แล้ว ดีกว่าที่คาดไว้ เชื่อว่าได้รับอานิสงส์จากผู้โดยสารต่างชาติอย่างในยุโรปหนีอากาศหนาวและวิกฤติพลังงานเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น (อินโฟเควสท์)

DPAINT

บมจ.สีเดลต้า (DPAINT) เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าผลักดันรายได้เพิ่มขึ้นแตะระดับ 2,050 ล้านบาทภายในปี 68 โดยคาดว่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากการเติบโตแบบปกติที่ยังมีโอกาสในการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสินค้าวางจำหน่ายอยู่ในร้านวัสดุก่อสร้างอยู่ทั้งหมดกว่า 2,000 ร้านค้า จากที่มีอยู่ทั้งหมดกว่า 8,000 ร้านค้า ขณะเดียวกันยังมีแผนเพิ่มเครื่องผสมสีเป็น 1,200 เครื่อง จาก ณ สิ้นปีนี้คาดว่าจะติดตั้งได้ทั้งหมด 600 เครื่อง เพื่อรองรับการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น และจะสร้างแบรนด์ให้มีความเข้มแข็งเพื่อให้สามารถจัดจำหน่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการบริหารจัดการต้นทุนและประสิทธิภาพในการผลิต ซึ่งจะช่วยสนับสนุนความสามารถในการทำกำไรของบริษัทได้ดียิ่งขึ้นด้วย (อินโฟเควสท์)