โบรกคาดหลังประชุมเฟด 21ก.ย.นี้ ฟันด์โฟลว์จ่อไหลกลับเข้าหุ้นไทย

โบรกคาดหลังประชุมเฟด 21ก.ย.นี้ ฟันด์โฟลว์จ่อไหลกลับเข้าหุ้นไทย

"บล.หยวนต้า" แนะหากดัชนีหุ้นไทยพักรอบนี้ เป็นจังหวะเข้าซื้อ รับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จากไตรมาส4 เป็นช่วงไฮซีซันท่องเที่ยว เชื่อไม่หลุด 1,600 จุด คาดหลังประชุมเฟด 21 ก.ย. นี้ ฟันด์โฟลว์ไหลเข้า

ดัชนีหุ้นไทย วานนี้ (14 ก.ย.) ปิดตลาดปรับตัวลง 4.51  จุด หรือ 0.27  % อยู่ที่ 1,656.58 จุด มูลค่าซื้อขาย 72,610 .35 ล้านบาท รับผลกระทบเชิงลบ จากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐเดือนส.ค.ออกมาสูงกว่าตลาด และจะเป็นตัวเร่งให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 21 ก.ย.นี้  รวมถึง บอนด์ยีลด์ (Bond Yield) และ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (Dollar Index) ที่เร่งตัวขึ้น

นายณัฐพล คำถาเครือผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า เปิดเผยว่า ปัจจัยเงินเฟ้อสหรัฐ และเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยนั้น เป็นผลกระทบเชิงลบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย แต่คาดจะเป็นการปรับฐานช่วงระยะสั้น ซึ่งสอดคล้องกับการปรับฐานลงของตลาดหุ้นทั่วโลก

ทั้งนี้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงน้อยกว่า  เพราะเงินเฟ้อของไทยเดือน ก.ย.ที่จะประกาศต้นเดือนต.ค.นี้ คาดเริ่มชะลอตัวลงแล้ว จากฐานสูงปีก่อน อีกทั้งตั้งแต่เดือนต.ค.เป็นต้นไป ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของท่องเที่ยว ที่จะหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยต่อเนื่อง 

รวมถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด รอบการประชุม 21 ก.ย.นี้  คาดขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75%-1% เป็นระดับที่ขึ้นดอกเบี้ยแบบตรึงตัว ครั้งสุดท้ายของเฟดแล้ว  ซึ่งการประชุมรอบถัดไปไม่จำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย คาดขึ้นเพียง  0.25%-0.50% เพราะเงินเฟ้อสหรัฐจะยังคงทรงระดับสูงในช่วงไตรมาส 4 ของปีเป็นปกติอยู่แล้ว 

ดังนั้น คาดว่าหลังประชุมเฟด 21 ก.ย.นี้แล้ว น่าจะมีแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยได้  และคาดตลาดหุ้นไทยปรับฐานระยะสั้นรอบนี้ ราว  2 สัปดาห์ แตะระดับ 1,600 จุด บวกลบ เป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง  เนื่องจากที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงพักฐานแต่ละรอบราว 3% เท่านั้น

คำแนะนำ  หากดัชนีหุ้นไทยพักฐานลงมา มองเป็นโอกาสเข้าไปสะสมหุ้น รอปรับตัวขึ้น รับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4  โดย เน้นสะสมหุ้นปลอดภัย ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ แนะนำ SCB มีประกาศจ่ายปันผลกลางปี แนะนำ BJC มีโอกาสเข้าSET 50 ในการคำนวณรอบถัดไป เหมือนกับ  RATCH   ส่วน ADVANC มีอัพไซด์การฟื้นตัวในไตรมาส 4  และมีดีล ซื้อบอร์ดแบนด์มาเสริม   กลุ่มเปิดเมืองท่องเที่ยว  คือ BA  ที่มีโครงการอู่ตะเภาที่จะเดินหน้าในช่วงปลายปีนี้ต้นปีหน้า

นายกรรณ์  หทัยศรัทธา นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ปัจจัยดังกล่าวส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยคล้ายคลึงกับสินทรัพย์เสี่ยงทั่วแรงว่ามีความเสี่ยงเผชิญแรงขาย 3-5% แต่ยังคงมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยเหมือนเดิมว่า จะแข็งแกร่งกว่าตลาดประเทศอื่นๆ จาก  1) เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน ในขณะที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว 2) อัตราดอกเบี้ยที่ทยอยขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป 3) Fund flow ไหลเข้า Service Economy, South Asiaหรือ ประเทศที่มีสัดส่วนภาคบริการสูงจากการเปิดเมือง

ทั้งนี้ เราคงเป้าดัชนี ปลายปีนี้1,740 จุด กรอบแนวรับ-ต้านระยะสั้นที่ 1,585 1,616 1,635 - 1,650 1,666 1,685 จุด และ เราเชื่อว่าสิ้นปี นักลงทุนต่างชาติจะเป็นสถานะซื้อสุทธิราว 200,000 ล้านบาท   ขณะที่ ห้องค้ากสิกรไทยประเมิน เฟด จะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุม FOMC ครั้งหน้า

แนะนำให้นักลงทุน ลงทุนกลุ่มที่เน้นภาพการฟื้นตัวจากการบริโภคในประเทศและการฟื้นตัวจากเศรษฐกิจของไทย อาทิ กลุ่มท่องเที่ยว, ค้าปลีก, กลุ่มไฟแนนซ์อิงรายได้เกษตรกรที่ฟื้นตัว และ กลุ่มสื่อตามยอดโฆษณาที่จะเพิ่มขึ้นใน 4Q65 และ หลีกเลี่ยงกลุ่ม Global play  แนะนำ CPALL PTG PLANB SAK SAWAD AWC ERW