ไทยขึ้นเวทีระดับสูง COP30 หนุนระดมทุน 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อประโยชน์ชาติ

ไทยขึ้นเวทีระดับสูง COP30 หนุนระดมทุน 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อประโยชน์ชาติ

ผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุม COP30 สนับสนุนแผนระดมทุน 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

KEY

POINTS

  • ผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุม COP30 สนับสนุนแผนระดมทุน 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • ไทยประกาศเป้าหมายใหม่ (NDC 3.0) ที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 47% ภายในปี 2035 เพื่อเร่งรัดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050
  • ไทยเตรียมผลักดันร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อเป็นรากฐาน และจัดตั้งเครื่องมือสำคัญ เช่น กองทุนภูมิอากาศแห่งชาติ และการกำหนดราคาคาร์บอน

นางสาวภัทรานันท์ ทองประพาฬ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 30 (COP 30) ณ เมืองเบเล็ง ประเทศบราซิล พร้อมด้วย ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสิ่งแวดล้อม และคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุมอย่างครบครัน โดย นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหมายให้เป็นตัวแทนประเทศไทยในเวทีระดับสูงนี้

ในพิธีเปิด นายไซมอน สตีลล์ เลขาธิการกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) ได้เน้นย้ำให้ประเทศภาคีเร่งดำเนินการตามความตกลงปารีส เพื่อควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยโลกไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียสอย่างเป็นรูปธรรม และเร่งด่วน

ไทยขึ้นเวทีระดับสูง COP30 หนุนระดมทุน 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อประโยชน์ชาติ

Bakuto Belem Roadmap to 1.3T

ในช่วงสัปดาห์แรกของการเจรจา นางสาวภัทรานันท์ ได้ติดตามความก้าวหน้าของแผน Bakuto Belem roadmap to 1.3T ซึ่งเป็นแผนการระดมทุนมูลค่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำไปสนับสนุนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศกำลังพัฒนา โดยแผนนี้เน้นย้ำถึงความโปร่งใส และการตรวจสอบได้ของเงินทุน เพื่อให้มั่นใจว่าเงินทุนจะถูกใช้ไปอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลกระทบเชิงบวกในวงกว้าง

นางสาวภัทรานันท์ ได้เน้นย้ำให้ผู้แทนไทยทุกหน่วยงานติดตามเจรจาในประเด็นสำคัญนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมยึดถือผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก เพื่อรักษาความมั่นคงด้านสภาพภูมิอากาศ และส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศไทย

ไทยขึ้นเวทีระดับสูง COP30 หนุนระดมทุน 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อประโยชน์ชาติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ถ้อยแถลงของไทยบนเวทีผู้นำ COP 30

เมื่อวานนี้ (18 พฤศจิกายน 2568) ตามเวลาท้องถิ่น เมืองเบเล็ง นางสาวภัทรานันท์ ได้ขึ้นเวทีกล่าวถ้อยแถลงแทนประเทศไทยต่อที่ประชุมผู้แทนระดับสูง โดยย้ำถึงความมุ่งมั่นของไทยในการรับมือกับวิกฤติสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้น

ในการเริ่มต้นถ้อยแถลง ประเทศไทยได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลบราซิลสำหรับการเป็นเจ้าภาพการประชุม COP 30 พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าการประชุมครั้งนี้จะช่วยยืนยันถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของประชาคมโลก และความมุ่งมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงในการผลักดันการเจรจาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลก และส่งเสริมการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น

 

 

 

นางสาวภัทรานันท์ ได้ประกาศว่า ประเทศไทยเข้าร่วมการประชุม COP 30 พร้อมด้วยความทะเยอทะยานที่กล้าหาญ ภายใต้ NDC 3.0 (การมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด) ฉบับใหม่ โดยประเทศไทยได้กำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแบบเบ็ดเสร็จ (absolute emission reduction target) ที่ 47% ต่ำกว่าระดับปี ค.ศ.2019 ภายในปี 2035 ซึ่งจะส่งผลให้การปล่อยก๊าซสุทธิของประเทศอยู่ที่ 152 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

การดำเนินการนี้สอดคล้องกับ วิถีทาง 1.5 องศาเซลเซียส และเป็นการเร่งรัดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ให้บรรลุผลภายในปี 2050

ในฐานะประเทศที่เปราะบางอย่างยิ่งต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประเทศไทยได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้าง ผลลัพธ์ที่สามารถวัดผลได้สำหรับเป้าหมายโลกด้านการปรับตัว (Global Goal on Adaptation หรือ GGA) คณะผู้แทนไทยแสดงความพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่าย เพื่อให้แน่ใจว่าตัวชี้วัด GGA มีความเชื่อมโยงกันระหว่างความก้าวหน้าระดับโลกกับการดำเนินการในระดับประเทศ

นอกจากนี้ เพื่อให้การดำเนินการสอดคล้องกับมาตรา 6 ของความตกลงปารีส ประเทศไทยได้จัดวาง ระบบระดับประเทศที่มีความแข็งแกร่ง โปร่งใส และน่าเชื่อถือ ซึ่งการนำมาตรา 6 ไปปฏิบัติจะช่วยให้เกิดการลดการปล่อยก๊าซจริง การแบ่งปันผลประโยชน์ และการสร้าง ตลาดคาร์บอนที่เชื่อถือได้ และยั่งยืน ซึ่งสนับสนุนทั้งเป้าหมายระดับโลก และการดำเนินการภายในประเทศ

ความสำเร็จที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ประเทศไทยนำเสนอคือ ร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่กำลังจะเกิดขึ้น กฎหมายฉบับนี้จะทำหน้าที่เป็นรากฐานสำหรับ แนวทางการรับมือด้านสภาพภูมิอากาศในระยะยาวแบบบูรณาการทั่วทั้งสังคม โดยจะมีการจัดตั้งเครื่องมือสำคัญสำหรับการดำเนินการ รวมถึง กองทุนภูมิอากาศแห่งชาติ และเครื่องมือการกำหนดราคาคาร์บอน

เพื่อแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ ในเดือนกันยายน ของปี 2025 ประเทศไทยได้จัดการประชุม Thailand Climate Action Conference (TCAC) ครั้งที่ 4 ภายใต้แนวคิด "Inspiring climate solution for all" การประชุมดังกล่าวมีผู้เข้าร่วม มากกว่า 11,000 คน ซึ่งรวมถึงผู้แทนจาก กว่า 30 สถานทูต สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างประเทศ และข้ามภาคส่วนที่แข็งแกร่งในประเทศไทย

ในตอนท้ายของถ้อยแถลง นางสาวภัทรานันท์ ยืนยันว่า COP30 เป็นช่วงเวลาที่จะต้องยืนยันถึงความเป็นเอกภาพ และความมุ่งมั่นร่วมกัน

“ขอเรียกร้องให้ผู้แทนทุกประเทศร่วมกันทำให้ผลลัพธ์ของการประชุมที่เบเล็งครั้งนี้ส่งเสริมความไว้วางใจ เร่งรัดการดำเนินการ และส่งมอบความก้าวหน้าที่เป็นรูปธรรมเพื่อโลกของเรา ประเทศไทยขอยืนยันความทุ่มเทอย่างไม่เปลี่ยนแปลง โดยพร้อมที่จะร่วมมือกับพันธมิตรทุกรายเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศให้รวดเร็วยิ่งขึ้นภายใต้เจตนารมณ์ของประชาคมโลก”

ไทยขึ้นเวทีระดับสูง COP30 หนุนระดมทุน 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อประโยชน์ชาติ

คุยสิงคโปร์ คืบหน้าร่วมมือคาร์บอนเครดิต

นอกจากนี้ นางสาวภัทรานันท์ ยังได้ร่วมกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ร่วมกับ นางสาวเกรซ ฟู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความยั่งยืน และสิ่งแวดล้อมแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ ถึงข้อตกลงการดำเนินงานด้านคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศของไทย-สิงคโปร์ ที่ลงนามเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา และจะประกาศรับข้อเสนอการดำเนินโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคป่าไม้ภายในไตรมาสแรกของปี 2026

ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการยกระดับมาตรฐานเทียบเท่าสากล และมุ่งสู่การเป็นผู้นำในภูมิภาค โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ได้เตรียมการประกาศระเบียบวิธีขั้นตอน เพื่อใช้เป็นแนวทางพัฒนาโครงการสำหรับการถ่ายโอนผลการลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างประเทศต่อไป 

Thailand Pavilion หนุนเยาวชนขับเคลื่อนสังคม

ในวันเดียวกัน รองเลขาธิการนายกฯ ยังได้เข้าเยี่ยมชม Thailand Pavillion พร้อมรับฟังการนำเสนอข้อมูลการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนดด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ณ ปี ค.ศ.2035 หรือ NDC 3.0 รวมถึงข้อมูลการลงทุน และแผนธุรกิจในการพัฒนานวัตกรรมการลดก๊าซเรือนกระจกของ ปตท. และการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ใน Innovation Zone พร้อมพูดคุยกับผู้แทนเยาวชนไทยในการสร้างแรงขับเคลื่อนสังคมให้เกิดการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ และสร้างภูมิคุ้มกัน ที่จะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตในสถานการณ์ภูมิอากาศโลกที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

ไทยขึ้นเวทีระดับสูง COP30 หนุนระดมทุน 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อประโยชน์ชาติ

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์