ศึกชิงเจ้าภาพ COP31 ออสเตรเลีย–ตุรกี งบ 2 พันล้านเหรียญ เยอรมนีอาจจำใจจัดเอง

ออสเตรเลียและตุรกีกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อเป็นเจ้าภาพ COP31 แต่ยังตกลงกันไม่ได้เนื่องจากตุรกีใช้สิทธิ์คัดค้าน ทำให้ไม่เกิดมติเอกฉันท์
KEY
POINTS
- ออสเตรเลียและตุรกีกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อเป็นเจ้าภาพ COP31 แต่ยังตกลงกันไม่ได้เนื่องจากตุรกีใช้สิทธิ์คัดค้าน ทำให้ไม่เกิดมติเอกฉันท์
- ออสเตรเลียเสนอจัด "Pacific COP" ร่วมกับชาติหมู่เกาะแปซิฟิก แต่ถูกตั้งคำถามเรื่องความน่าเชื่อถือด้านนโยบายพลังงานฟอสซิลและงบประมาณที่อาจสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์
- หากทั้งสองประเทศหาข้อสรุปไม่ได้ภายในสิ้นสุดการประชุม COP30 สิทธิ์การเป็นเจ้าภาพจะตกเป็นของเยอรมนีโดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เยอรมนีไม่ต้องการ
ศึกชิงสิทธิการเป็นเจ้าภาพ COP31 ปี 2026 ระหว่าง ออสเตรเลีย และ ตุรกี กำลังทวีความดุเดือดจนกลายเป็นหนึ่งในข้อพิพาททางการทูตที่จับตาที่สุดของการประชุม COP30 ที่เบเลง ประเทศบราซิล ปีนี้ เมื่อทั้งสองประเทศต่าง “ล็อกจุดยืน” ไม่ยอมถอนตัวจากการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ และการเจรจาของออสเตรเลียมาตั้งแต่ปี 2022 ก็ยังไร้ความคืบหน้า
แม้ออสเตรเลียจะได้รับเสียงสนับสนุนจากประเทศแปซิฟิกและสมาชิกส่วนใหญ่ในกลุ่ม WEOG แต่ตุรกีกลับยืนกรานหนักแน่นว่ามีสิทธิเท่าเทียมกันในการจัดงานที่เมืองอันตัลยา พร้อมชูบทบาท “สะพานเชื่อมเหนือ–ใต้” ในวิกฤติสภาพภูมิอากาศโลก การยื้อกันของสองผู้เสนอตัวทำให้สถานการณ์เข้าสู่ทางตัน ที่อาจบีบให้เยอรมนีต้องรับบทเจ้าภาพโดยไม่เต็มใจ หากคู่แข่งทั้งสองยังไม่สามารถตกลงร่วมกันได้ภายในสิ้นสุด COP30 สัปดาห์นี้
ดีลสะดุด หาข้อยุติไม่ได้
สิทธิการเป็นเจ้าภาพ COP31 อยู่ภายใต้กลุ่มภูมิรัฐศาสตร์ WEOG (Western Europe and Others Group) ซึ่งโดยธรรมเนียมต้องได้ “มติเอกฉันท์” ของสมาชิกทั้งหมด 28 ประเทศ ซึ่งออสเตรเลียและตุรกีก็เป็นสมาชิกเช่นกัน
เป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้วที่ประเทศสมาชิกสหภาพออสเตรเลีย-แปซิฟิกส่วนใหญ่สนับสนุนการเสนอตัวเป็นพันธมิตรจัด COP ขณะที่ไม่กี่ประเทศที่ออกมาให้การหนุนหลังตุรกี ทว่ากติกาของสหประชาชาติระบุไว้ชัดว่า เพียงแค่ประเทศเดียวก็มีสิทธิ์ “คว่ำดีล” ได้ทันที ดังนั้น ตุรกีก็เลือกใช้สิทธินั้นอย่างไม่ถอย ทำให้ฉากทัศน์ที่เคยดูแน่นอนกลับเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนในชั่วข้ามคืน
ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บราซิลในฐานะเจ้าภาพ COP30 กดดันให้ทั้งสองฝ่ายเร่งสรุปผล แต่กลับยิ่งเห็นความตึงเครียดชัดเจน เมื่อทั้งออสเตรเลียและตุรกีตั้ง “Pavillions" (ซุจัดแสดง) ในศูนย์ประชุมใกล้กัน ซึ่งนักการทูตตีความว่าเป็นสัญญาณว่าทั้งคู่ยังไม่รู้อนาคตของดีลนี้จะไปทางไหน
ความหวัง COP แห่งแปซิฟิก
ปี 2022 รัฐบาลแคนเบอร์ราประกาศจับมือประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก เสนอตัวจัด “Pacific COP” ที่เมืองแอดิเลด โดยตั้งใจให้ COP31 เป็นจุดเปลี่ยนในการยกระดับเสียงของประเทศที่เปราะบางต่อวิกฤติสภาพภูมิอากาศที่สุดในโลก
กลยุทธ์นี้ช่วยให้ออสเตรเลียสร้างฐานพันธมิตรใหม่ในแปซิฟิก ท่ามกลางการแข่งขันอิทธิพลกับจีน และได้รับเสียงหนุนจากประเทศสมาชิก WEOG เกือบทั้งหมด แต่ความมั่นใจที่เคยมีเริ่มสั่นคลอน เมื่อ ตุรกีส่งสัญญาณแข็งกร้าวไม่ลดท่าทีแม้แต่น้อย
นายแอนโธนี อัลบาเนเซ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เปิดเผยว่า นายเรเจป ทายิป แอร์โดอัน ประธานาธิบดีตุรกี ได้ส่งจดหมายถึงเขา เพื่อย้ำว่าตุรกียังคงยืนกราน ต้องการให้การประชุมจัดขึ้นที่เมืองตากอากาศอันตัลยา ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
“ออสเตรเลียตอบโต้ด้วยท่าทีที่ชัดเจนว่าออสเตรเลียต้องการเป็นเจ้าภาพร่วมใน Pacific COP กับบรรดาประเทศหมู่เกาะในแปซิฟิก เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าชาติเหล่านี้กำลังเผชิญวิกฤตสิภาพภูมิอากาศในฐานะภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ และจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนที่เข้มข้นกว่านี้ ที่สำคัญยังไม่เคยมีการจัด COP ในภูมิภาคแปซิฟิกมาก่อน ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ออสเตรเลียต้องการผลักดันข้อเสนอนี้”
ตุรกี ยืนยันสิทธิ ต้องเป็น “อันตัลยา” เท่านั้น
นายเรเจป ทายิป แอร์โดอัน ประธานาธิบดีตุรกี ย้ำว่า ตุรกีจะเดินหน้าเสนอเมืองอันตัลยาเป็นเจ้าภาพ โดยให้เหตุผลว่า ตุรกีมีตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมในการเป็น สะพานเชื่อมเหนือ–ใต้ ที่สำคัญประเทศกำลังเผชิญผลกระทบจากความร้อนจัด ภัยแล้ง น้ำท่วม และไฟป่า จึงสมควรเป็นเจ้าภาพเพื่อสะท้อนความเร่งด่วนของภาวะโลกร้อน
ประธานาธิบดีตุรกีเคยประกาศว่า ตุรกีพร้อมแม้กระทั่ง แบ่งตำแหน่งประธาน COP กับออสเตรเลีย แต่ UNFCCC ตอบชัดเจนว่า “กฎไม่อนุญาตให้มีประธานร่วม”
ฟอสซิล-การเมืองสั่นคลอน จุดอ่อนออสเตรเลีย
ด้านฟอสซิลยังคงเป็นจุดอ่อนที่สุดของออสเตรเลีย แม้รัฐบาลตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซลง 60–72% ภายในปี 2035 แต่ออสเตรเลียยังถูกวิพากษ์อย่างหนักว่าเป็นทั้งผู้ส่งออกถ่านหินรายใหญ่ที่สุดของโลก และหนึ่งในผู้ส่งออกก๊าซ LNG ระดับแถวหน้า
ขณะเดียวกัน ประเทศยังมีค่า “การปล่อยคาร์บอนต่อหัว” สูงติดอันดับโลก และยังเดินหน้าอนุมัติโครงการก๊าซใหม่ เช่น North West Shelf สิ่งเหล่านี้ทำให้พันธมิตรบางประเทศตั้งคำถามอย่างเลี่ยงไม่ได้ว่า ออสเตรเลียมีความน่าเชื่อถือมากพอหรือไม่ที่จะรับบทผู้นำในการประชุมสภาพภูมิอากาศที่ใหญ่ที่สุดของโลก
ท่ามกลางความพยายามผลักดันข้อเสนอ Pacific COP ของออสเตรเลีย ความไม่เป็นเอกภาพภายในรัฐบาลแคนเบอร์รากลับยิ่งปรากฏเด่นชัดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่การชิงสิทธิ์เจ้าภาพ COP31 กำลังเข้าสู่โค้งสำคัญ
แม้ นายคริส โบเวน รัฐมนตรีพลังงานและสภาพภูมิอากาศ จะเดินหน้าผลักดันนโยบายด้านภูมิอากาศอย่างหนักในเวที COP30 ทั้งการตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซลง 62–70% ภายในปี 2035 และการยืนยันบทบาทนำของออสเตรเลียในภูมิภาคแปซิฟิก แต่ภายในคณะรัฐมนตรีกลับมีเสียงสะท้อนต่างทิศทาง
มีรายงานว่า นายแอนโธนี อัลบาเนเซ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย และ นายเพนนี วอง รัฐมนตรีต่างประเทศ อาจไม่ได้เร่งเดินหน้าแคมเปญเจ้าภาพ COP31 มากเท่าที่ควร เนื่องจากกังวลว่า หากออสเตรเลียได้รับเลือก อาจเปิดช่องให้ประเทศต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียดจากประชาคมโลก ทั้งในประเด็นพลังงานฟอสซิล การส่งออกถ่านหิน ไปจนถึงโครงการก๊าซใหม่ที่ยังคงเดินหน้าอยู่
ด้าน นายวอง เคยเตือนก่อนหน้านี้ว่า หากออสเตรเลียถูกมองว่าลดความทุ่มเทด้านภูมิอากาศ หรือมีท่าทีไม่ชัดเจน อาจกระทบความเชื่อมั่นของประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะชาติหมู่เกาะแปซิฟิกที่มองปัญหาภูมิอากาศเป็นภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่
ในขณะเดียวกัน ฝ่ายค้านของออสเตรเลียเพิ่งประกาศท่าทีใหม่ว่าอาจยกเลิกหรือปรับเป้าหมาย Net Zero 2050 ซึ่งยิ่งทำให้รัฐบาลถูกโจมตีหนักขึ้นว่าใช้นโยบายพลังงานไม่เป็นเอกภาพและสับสน ขัดแย้งทั้งภายในและภายนอกพรรค
นักวิเคราะห์เตือนว่า ความไม่ชัดเจนนี้อาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของออสเตรเลียในสายตานานาชาติ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องโน้มน้าวสมาชิกสหประชาชาติให้สนับสนุนข้อเสนอเป็นเจ้าภาพการประชุมสภาพภูมิอากาศที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ความปั่นป่วนทางการเมืองภายในจึงกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้โอกาสของออสเตรเลียในการคว้าสิทธิ์จัด COP31 ไม่ได้ “แน่นอน” อย่างที่หลายฝ่ายเคยคาดหวัง
คุ้มหรือไม่? ถ้าค่าใช้จ่ายจัด COP เกิน 2 พันล้าน
ค่าใช้จ่ายในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ COP31 กลายเป็นประเด็นถกเถียงร้อนแรง หลังมีการประเมินว่าการจัดการประชุมที่เมืองแอดิเลดอาจใช้งบสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ขณะที่รัฐบาลกลางได้ใช้เงินไปแล้วอย่างน้อย 7 ล้านดอลลาร์ สำหรับขั้นตอนเตรียมเสนอชื่อ
แม้รัฐมนตรีต่างประเทศของออสเตรเลีย จะปฏิเสธเปิดเผยงบประมาณอย่างเป็นทางการ แต่แรงต้านภายในประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยฝ่ายคัดค้านชี้ว่าเม็ดเงินระดับพันล้านดอลลาร์ไม่ใช่ภาระที่เหมาะสมในช่วงเศรษฐกิจไม่แน่นอน และตั้งคำถามว่าผลตอบแทนจะคุ้มค่ากับภาระภาษีของประชาชนหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายสนับสนุนยืนยันว่า COP31 จะสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมหาศาลในระยะยาว โดย Business Events Adelaide และ Adelaide Convention Centre (ACC) รายงานว่าเพียงแค่การเสนอตัวก็ช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของแอดิเลดในฐานะเมืองประชุมระดับโลก และดึงงานประชุมนานาชาติใหม่มากกว่า 50 รายการ คิดเป็นผู้เข้าร่วมตั้งแต่ 300–5,000 คนต่อโครงการ
สร้างมูลค่าเศรษฐกิจที่คาดว่าจะสูงถึง 3.1 พันล้านดอลลาร์ภายใน 5 ปี ขณะที่ผู้ร่วมประชุมใช้จ่ายเฉลี่ยกว่า 1,165 ดอลลาร์ต่อวัน ส่งผลเชิงบวกต่อโรงแรม ร้านอาหาร ผู้ประกอบการท้องถิ่น รวมถึงการกระตุ้นความร่วมมือด้านวิจัย การลงทุนใหม่ และการดึงดูดบุคลากรระดับโลกเข้าสู่เมืองในอนาคต
หากตกลงไม่ทันเวลา เยอรมนี = เจ้าภาพจำใจ
ตามกติกาของสหประชาชาติ หากทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ภายในสิ้นสุดการประชุม COP30 ในสัปดาห์นี้ สิทธิ์การเป็นเจ้าภาพ COP31 จะถูกโอนกลับไปยังเมืองบอนน์ ประเทศเยอรมนีโดยอัตโนมัติ
นักการทูตจากหลายประเทศแสดงความกังวลว่า ความขัดแย้งเรื่องเจ้าภาพกำลัง “เบี่ยงเบนความสนใจ” จากวาระหลักของ COP30 ซึ่งหนักหนาและซับซ้อนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นประเด็นความตกลงด้านเงินทุนสภาพภูมิอากาศ การลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ไปจนถึงการสนับสนุนการปรับตัวต่อภาวะโลกร้อนในประเทศยากจน
นายโยเชน ฟลาสบาร์ธ เลขาธิการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของเยอรมนี ยอมรับว่า เยอรมนีอาจจำเป็นต้องเข้ารับหน้าที่จัดการประชุม COP31 หากสถานการณ์ยังไร้ข้อยุติ แต่ย้ำอย่างตรงไปตรงมาว่า “ไม่ต้องการเป็นเจ้าภาพ” เป้าหมายหลักคือให้ออสเตรเลียและตุรกีสามารถหาทางตกลงกันได้ภายในกลุ่มเอง
เยอรมนีในฐานะประธานกลุ่ม WEOG จึงได้ขอให้คณะผู้แทนอังกฤษเข้ามาช่วยประสานและไกล่เกลี่ย ขณะที่บราซิลในฐานะเจ้าภาพ COP30 ก็ให้คำมั่นว่าจะร่วมช่วยหาทางออกเช่นกัน ท่ามกลางความกังวลว่าความขัดแย้งนี้อาจทำให้การเจรจาเบี่ยงเบนจากวาระสำคัญที่ยากและท้าทายอยู่แล้ว
อ้างอิง: The Guardian, The Government of South Australia, PINA







