60 ปี ไทย–สิงคโปร์ ธ.กรุงเทพ หนุนฟอรั่ม SRBF พาภูมิภาคสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ

60 ปี ไทย–สิงคโปร์ ธ.กรุงเทพ หนุนฟอรั่ม SRBF พาภูมิภาคสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ

ฟอรั่ม SRBF 2025 จัดครั้งแรกในไทย เพื่อฉลองวาระครบรอบ 60 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สิงคโปร์ และผลักดันภูมิภาคสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ แชร์แนวทางปฏิบัติจริงที่กำลังผลักดัน Green Finance และ Clean Energy

KEY

POINTS

  • ธนาคารกรุงเทพสนับสนุนการจัดฟอรั่ม SRBF 2025 จัดครั้งแรกในไทย โดยสภาธุรกิจสิงคโปร์ เพื่อฉลองครบรอบ 60 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สิงคโปร์ และผลักดันภูมิภาคสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ
  • ธนาคารกรุงเทพมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนลูกค้าเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน ผ่านผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย
  • ฟอรั่ม SRBF เน้นย้ำความร่วมมือสำคัญระหว่างไทยและสิงคโปร์ โดยมีการลงนามข้อตกลงด้านคาร์บอนเครดิตภายใต้ความตกลงปารีส เพื่อใช้เป็นกลไกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ธนาคารกรุงเทพ ได้ให้การสนับสนุนการจัดงาน Singapore Regional Business Forum (SRBF) 2025 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยสภาธุรกิจสิงคโปร์ (Singapore Business Federation: SBF) เลือกกรุงเทพมหานครเป็นเจ้าภาพ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 60 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–สิงคโปร์

โดยงานประชุมครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 9 ของ SRBF มีผู้เข้าร่วมกว่า 400 คน จาก 23 ประเทศ รวมถึงผู้กำหนดนโยบาย ผู้นำธุรกิจ นักลงทุน และผู้แทนจากหลากหลายอุตสาหกรรม มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการเติบโตและการบูรณาการของภูมิภาคเอเชีย ภายใต้หัวข้อ “Business Resilience in Asia: Thriving Amid Global Uncertainty and Trade Shifts”

ในช่วงเสวนา Driving Green Growth: Green Financing, Renewable Energy & Sustainable Practices มีผู้บริหารทั้งจากภาครัฐและเอกชน จากทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ ร่วมนำเสนอว่า “การเงินสีเขียว พลังงานหมุนเวียน และการดำเนินงานอย่างยั่งยืน” ไม่ได้เป็นเพียงคำตอบต่อความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศ แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดเส้นทางใหม่สู่การเติบโตทางเศรษฐกิจ

60 ปี ไทย–สิงคโปร์ ธ.กรุงเทพ หนุนฟอรั่ม SRBF พาภูมิภาคสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ

ไทยพลิกโฉมธุรกิจสู่ความยั่งยืน

“ปวิช เกศววงศ์” กล่าวว่า ไทยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 30% ในเป้าหมาย NDC และสามารถเพิ่มเป็นเกือบ 60% แต่ภาคส่วนต่างๆ เช่น การเกษตร การขนส่ง และการผลิต กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงและโอกาสในการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไทยจึงให้ความสำคัญกับโครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) และการแก้ปัญหาโดยอาศัยธรรมชาติ (Nature-based Solutions) โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการป่าไม้ที่มีศักยภาพจะสร้างประโยชน์ให้กับชุมชน

“วันนี้ไทยได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านคาร์บอนเครดิตกับรัฐบาลสิงคโปร์ ภายใต้มาตรา 6 ของความตกลงปารีส (Paris Agreement) เพื่อใช้กลไกการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ถ่ายโอนระหว่างประเทศ (Internationally Transferred Mitigation Outcomes : ITMOs) ด้วยความร่วมมือที่แข็งแกร่งในอาเซียน Article 6 เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับภาคส่วนที่มีการปล่อยมลพิษสูงในการลดก๊าซเรือนกระจก หรือสร้างตลาดคาร์บอนในประเทศ”

60 ปี ไทย–สิงคโปร์ ธ.กรุงเทพ หนุนฟอรั่ม SRBF พาภูมิภาคสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ

แบงก์กรุงเทพ หนุนเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน

“นิรมาณ ไหลสาธิต” กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพเดินหน้าสนับสนุนลูกค้าในการปรับตัวสู่ความยั่งยืนอย่างรอบด้าน ทั้งการลดการปล่อยคาร์บอน รับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในเวทีโลก โดยมีการพัฒนาโครงการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2546

สำหรับ "กลุ่มลูกค้าองค์กร" ธนาคารนำเสนอบริการที่ครอบคลุม อาทิ

  • สินเชื่อพลังงานหมุนเวียนและอสังหาริมทรัพย์สีเขียว รวมถึงระบบไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • สินเชื่อเพื่อความยั่งยืน (Sustainability-linked Loans) เปิดตัวเมื่อปีที่ผ่านมา เพื่อช่วยลดมลพิษและสนับสนุนการปรับตัว เช่น การสร้างอาคารใหม่ การเปลี่ยนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นพลังงานไฟฟ้า หรือการลงทุนในระบบจัดการน้ำเสียและอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน
  • สินเชื่อเพื่อการปรับเปลี่ยน (Transformation Loans) สำหรับ SME เพื่อเสริมศักยภาพการปรับตัว ผ่านการลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม
  • แรงจูงใจดอกเบี้ยพิเศษ สำหรับองค์กรที่ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

ขณะที่ "ลูกค้าบุคคล" ธนาคารได้เปิดตัว “สินเชื่อสีเขียว” (Green Loans) สำหรับการปรับปรุงที่อยู่อาศัย เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์

“เราเล็งเห็นว่าการเปลี่ยนผ่านต้องอาศัยเม็ดเงินลงทุน เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่มีศักยภาพ เช่น โซลาร์ฟาร์ม ยานยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กแบบโมดูลาร์ (SMRs) ซึ่งบางเทคโนโลยียังคงมีต้นทุนสูงและต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐและหน่วยงานระดับพหุภาคี”

60 ปี ไทย–สิงคโปร์ ธ.กรุงเทพ หนุนฟอรั่ม SRBF พาภูมิภาคสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ

“นิรมาณ” กล่าวด้วยว่า ธนาคารเดินหน้าทำงานใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อช่วยเชื่อมโยงกับผู้เชี่ยวชาญและพันธมิตรทางธุรกิจ สนับสนุนการลงทุนทั้งด้านระบบอัตโนมัติ การจัดการพลังงาน ไปจนถึงธุรกิจใหม่ๆ อย่างแบตเตอรี่ ศูนย์ข้อมูล และพลังงานสะอาด

“การก้าวสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำไม่สามารถทำได้เพียงลำพัง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือ ระหว่างภาครัฐ เอกชน และพันธมิตรในทุกระดับ โดยความร่วมมือเชิงพันธมิตร (Partnership) ถือเป็นกุญแจสำคัญในการเร่งให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม อาทิ การร่วมพัฒนาการอบรมด้าน Power Purchase Agreement (PPA) ที่จะช่วยผลักดันศักยภาพการใช้พลังงานสะอาดให้แพร่หลายยิ่งขึ้น”

สิงคโปร์เน้นตลาดคาร์บอน

“แฟม วี เหว่ย”  ผู้อำนวยการ กองบรรเทาการปล่อยคาร์บอน และกองการค้าระหว่างประเทศ (เศรษฐกิจสีเขียวและความยั่งยืน) กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม สิงคโปร์ ได้กล่าวถึงบทบาทของตลาดคาร์บอนในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสีเขียวของเอเชีย โดยมองว่าสิ่งนี้เป็นทั้งโอกาสในการเติบโตที่ยิ่งใหญ่ และเป็นกลไกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

60 ปี ไทย–สิงคโปร์ ธ.กรุงเทพ หนุนฟอรั่ม SRBF พาภูมิภาคสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ

สำหรับตลาดคาร์บอนที่แข็งแกร่งนั้นมีส่วนประกอบ 3 ส่วน สำคัญคือ

• อุปสงค์: สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางความต้องการที่สำคัญสำหรับเครดิต Article 6 โดยมีความต้องการจากรัฐบาล องค์กร และผู้ซื้อภาคเอกชน การกำหนดราคาคาร์บอนที่ชัดเจนเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ โดยสิงคโปร์ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2019 ด้วยราคา 5 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อตัน และเพิ่มเป็น 25 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อตันในปี 2024 และมีแผนจะเพิ่มเป็น 45 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อตันในปี 2026 และ 50-80 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อตันภายในปี 2030

• อุปทาน: สิงคโปร์ได้ทำงานร่วมกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก และมีความยินดีอย่างยิ่งที่มีข้อตกลงการดำเนินการ (Implementation Agreement) ฉบับแรกกับประเทศไทย ข้อตกลงเหล่านี้จะนำไปสู่การพัฒนาโครงการและสร้างเครดิตคาร์บอน

• ความสมบูรณ์ด้านสิ่งแวดล้อม: ในปี 2023 สิงคโปร์ได้ออกหลักเกณฑ์คุณสมบัติ 7 ประการ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการความสมบูรณ์ด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจในตลาด

60 ปี ไทย–สิงคโปร์ ธ.กรุงเทพ หนุนฟอรั่ม SRBF พาภูมิภาคสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ

ไทยวาผลักดันห่วงโซ่อุปทานสีเขียว

"โฮ เรน ฮวา" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทยวา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไทยวาดำเนินธุรกิจอาหารและการเกษตรใน 7 ประเทศทั่วเอเชียแปซิฟิก ห่วงโซ่อุปทานที่ยาวนานในภาคส่วนนี้ทำให้ต้องมีการลดคาร์บอนในทุกขั้นตอน แม้รัฐบาลไทยจะมีความริเริ่มที่ดีในการลดคาร์บอนในภาคเกษตร แต่ก็ยังต้องมีการพัฒนาโซลูชั่นสำหรับพืชผลแต่ละชนิดอย่างแม่นยำ

"ไทยวากำลังมองหาการจัดการพลังงานหมุนเวียนแบบผสมผสาน (hybrid mix) ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ซึ่งรวมถึงไฟฟ้า ก๊าซชีวภาพ ชีวมวล พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม นวัตกรรมยังเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการจัดการน้ำเสีย ซึ่งสอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ของประเทศไทย"

60 ปี ไทย–สิงคโปร์ ธ.กรุงเทพ หนุนฟอรั่ม SRBF พาภูมิภาคสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ

แกร็บลดปล่อยคาร์บอนผ่าน AI

"ยิว เฮง ลิม" กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานกิจการสาธารณะ บริษัท แกร็บ กล่าวว่า นวัตกรรมของแกร็บเกิดขึ้นได้จากความร่วมมือใกล้ชิดกับภาครัฐในภูมิภาค โดยปัจจุบันบริษัทสามารถลดความเข้มข้นของการปล่อยคาร์บอนลงเฉลี่ยปีละ 5% ผ่านการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดสรรการเดินทาง

แกร็บยังส่งเสริมเศรษฐกิจแบบแบ่งปันอย่างทั่วถึง โดยมีผู้ขับขี่และร้านค้าผู้หญิงกว่า 300,000 ราย และผู้พิการอีกกว่า 5,000 รายอยู่บนแพลตฟอร์ม อีกทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญคือ ต้นทุน EV ที่ยังสูง และปัญหากระแสเงินสดของคนขับ

เพื่อลดภาระดังกล่าว แกร็บกำลังหารือกับรัฐบาลในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย เพื่อผลักดันนโยบายสนับสนุน เช่น การอนุญาตให้ใช้รถเช่าเพื่อขับขี่บนแพลตฟอร์ม นอกจากนี้บริษัทยังกำลังสำรวจนวัตกรรมทางการเงิน และความร่วมมือกับสถาบันการเงิน เพื่อช่วยลดต้นทุนการครอบครอง EV ของคนขับในอนาคต