SDG Index 2025 ไทยคว้าที่ 1 อาเซียน อันดับโลกขยับขึ้นที่ 43 ยากจนลด-การศึกษาดี

เมื่อวานนี้ (24 มิถุนายน 2025) เครือข่ายโซลูชันการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (Sustainable Development Solutions Network : SDSN) ได้เปิดตัว “รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืนประจำปี 2025 (Sustainable Development Report : SDR) 'กรุงเทพธุรกิจ' ได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้

รายงานฉบับปีนี้ให้ความสำคัญกับการ ปฏิรูปโครงสร้างการเงินโลก (Global Financial Architecture - GFA) มุ่งขยายและจัดระเบียบกระแสเงินทุนระหว่างประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ภายในปี 2030 และช่วงกลางศตวรรษนี้ โดยการประเมินความก้าวหน้าของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ประจำปี ครอบคลุมประเทศสมาชิกสหประชาชาติทั้ง 193 ประเทศ แต่ในปีนี้ มีทั้งหมด 167 ประเทศ ที่ได้รับการจัดอันดับใน SDG Index

ตัวชี้วัดใหม่ของ SDG Index

สำหรับปีนี้ SDG Index ใช้ตัวชี้วัดทั้งหมด 126 รายการ ซึ่งประกอบด้วย 102 ตัวชี้วัดระดับโลก และ 24 ตัวชี้วัดเพิ่มเติมสำหรับประเทศในกลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organization for Economic Co-operation and Development หรือ  OECD) ที่มีสมาชิก 38 ประเทศ โดยประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิก OECD อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2567

นอกจากนี้ รายงานฉบับปี 2025 ยังได้เปิดตัวดัชนีใหม่ที่เรียกว่า "SDG Index ฉบับย่อ" (SDGi) ซึ่งใช้เพียง 17 ตัวชี้วัดหลัก เพื่อวัดความก้าวหน้าในแต่ละเป้าหมายของประเทศและภูมิภาค โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดอคติทางสถิติที่เกิดจากข้อมูลชุดเวลา (time series) ที่ไม่ครบถ้วน

นอกจากนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับการทบทวนตัวชี้วัด SDG อย่างครอบคลุมในปี 2025 รายงานจึงได้บรรจุตัวชี้วัดใหม่เกี่ยวกับ "ความหลากหลายขั้นต่ำของอาหารในเด็กอายุ 6–23 เดือน" ภายใต้ SDG 2 (ยุติความหิวโหย) และมีการปรับแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนของวิธีการซึ่งอธิบายไว้ในภาคผนวกของรายงานด้วย

แม้ว่าทุกประเทศสมาชิก UN จะมีโปรไฟล์ประเทศของตนเอง แต่จะมีเพียงประเทศที่มีข้อมูลขาดหายไม่เกิน 20% เท่านั้น ที่จะได้รับคะแนนและอันดับใน SDG Index เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบผลได้อย่างแม่นยำและลดอคติจากข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์

ไทยอันดับ 43 โลก และแชมป์ที่ 1 อาเซียน

ในปี 2025 ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 43 จากทั้งหมด 167 ประเทศในดัชนีเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีคะแนนรวมอยู่ที่ 75.34 คะแนน และมีคะแนนด้านสร้างอิมแพ็คระหว่างประเทศ (Spillover Score) ที่ 89.73 คะแนน ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประเทศในการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งในระดับชาติและระดับโลก

ที่สำคัญเมื่อดูในระดับภูมิภาค 'เอเชียตะวันออก และเอเชียใต้' ไทยครอง "อันดับ 1" นำจีน ซึ่งอยู่ที่อันดับ 49 คะแนนรวม 74.39 และหากเปรียบเทียบกับประเทศใน 'อาเซียน' ไทยยังคงครองอันดับ 1 เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน (ตั้งแต่ปี 2022–2025) ตามด้วย

• อันดับ 61 เวียดนาม – 73.35 คะแนน
• อันดับ 69 สิงคโปร์ – 71.54 คะแนน
• อันดับ 77 อินโดนีเซีย – 70.22 คะแนน
• อันดับ 84 มาเลเซีย – 69.52 คะแนน
• อันดับ 87 ฟิลิปปินส์ – 68.34 คะแนน
• อันดับ 92 บรูไนดารุซซาลาม – 67.97 คะแนน
• อันดับ 101 กัมพูชา – 66.38 คะแนน
• อันดับ 116 เมียนมา – 63.56 คะแนน
• อันดับ 121 ลาว – 62.55 คะแนน

ไทยคะแนนดี แต่มีจุดต้องเร่งปรับปรุง

แม้ว่าโดยรวมประเทศไทยจะมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในหลายด้าน แต่ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่ามีเพียง 2 เป้าหมายเท่านั้นที่บรรลุผลสำเร็จหรือสามารถรักษาระดับได้ดี ได้แก่

• SDG 1 ขจัดความยากจน
• SDG 4 การศึกษาที่มีคุณภาพ

ขณะที่อีก 6 เป้าหมายมีการพัฒนาในทิศทางที่ดีขึ้น ได้แก่

• SDG 3 สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
• SDG 5 ความเท่าเทียมทางเพศ
• SDG 6 น้ำสะอาดและสุขาภิบาล
• SDG 7 พลังงานสะอาด
• SDG 9 นวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน
• SDG 11 เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายที่เหลืออีก 9 ข้อกลับมีสถานะ “ทรงตัว” ซึ่งหมายถึงยังไม่มีพัฒนาการที่ชัดเจนในช่วงที่ผ่านมา เป้าหมายเหล่านี้รวมถึงเรื่องสำคัญอย่าง

• SDG 2 ขจัดความหิวโหย
• SDG 8 งานที่มีคุณค่า เศรษฐกิจที่เติบโต
• SDG 10 ลดความเหลื่อมล้ำ
• SDG 12 การผลิตและบริโภคที่รับผิดชอบ
• SDG 13 การรับมือกับ Climate Change
• SDG 14 นิเวศทางทะเลและมหาสมุทร
• SDG 15 ระบบนิเวศบนบก
• SDG 16 สันติภาพและสถาบันเข้มแข็ง
• SDG 17 หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา

เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย SDGs อย่างครอบคลุม ประเทศไทยควรให้ความสำคัญกับประเด็นต่อไปนี้

• การเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงาน เพื่อให้ทันต่อภาวะโลกร้อนและลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล
• การพัฒนาระบบสวัสดิการสังคมอย่างทั่วถึง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทั้งในเมืองและชนบท
• การส่งเสริมภาคธุรกิจและนวัตกรรมอย่างยั่งยืน เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและการจ้างงาน
• การเสริมสร้างความโปร่งใสและธรรมาภิบาล ให้มั่นใจได้ว่าทุกการพัฒนาจะเกิดผลในระยะยาว

10 ประเทศคะแนน SDG Index สูงสุด

10 อันดับแรกของประเทศที่มีคะแนนการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Index) สูงสุดในปี 2025 คือ

• อันดับ 1 ฟินแลนด์ – 87.02 คะแนน
• อันดับ 2 สวีเดน – 85.74 คะแนน
• อันดับ 3 เดนมาร์ก – 85.26 คะแนน
• อันดับ 4 เยอรมนี – 83.67 คะแนน
• อันดับ 5 ฝรั่งเศส – 83.14 คะแนน
• อันดับ 6 ออสเตรีย – 83.01 คะแนน
• อันดับ 7 นอร์เวย์ – 82.72 คะแนน
• อันดับ 8 โครเอเชีย – 82.39 คะแนน
• อันดับ 9 โปแลนด์ – 82.08 คะแนน
• อันดับ 10 เช็กเกีย – 81.94 คะแนน

5 ประเทศรั้งท้าย

ในขณะที่ประเทศที่อยู่ลำดับท้ายของ SDG Index ปีนี้  ซึ่งล้วนได้รับผลกระทบจากสงคราม ความไม่มั่นคง และความเปราะบางทางสังคมอย่างหนัก ได้แก่

• อันดับ 167 ซูดานใต้
• อันดับ 166 สาธารณรัฐแอฟริกากลาง
• อันดับ 165 ชาด
• อันดับ 164 โซมาเลีย
• อันดับ 163 เยเมน