Biodiversity Credit อนุรักษ์ธรรมชาติ เครื่องมือสู่ความยั่งยืน

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โลกต้องเผชิญกับปัญหาที่รุนแรงอันเกิดจากธรรมชาติ นั่นเป็นเพราะเกิดจากสาเหตุหลัก ตั้งแต่การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการขยายตัวของเมืองและเศรษฐกิจ
การใช้ทรัพยากรที่มากเกินความสมดุล มลภาวะที่เกิดขึ้นทั้งขยะ การปล่อยน้ำเสีย และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ทำให้ช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราเจออากาศที่แตกต่างกันอย่างรุนแรง รวมไปถึงเกิดผลที่ตามมาคือ การเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งนอกเหนือจะกระทบโดยตรงกับมนุษย์แล้ว ปัญหานี้ได้กลายเป็นความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่สำคัญระดับโลก
จากรายงานของ world economic forum 2022 ระบุว่า ภายใน10 ปีข้างหน้า การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพจะกลายเป็น 1 ใน 3 ของปัญหาความเสี่ยงระดับโลก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ความหลากหลายทางชีวภาพ สำคัญต่อธุรกิจอย่างไร
“นางสุวรรณา เตียรถ์สุวรรณ” ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) หรือ สพภ. (BEDO) กล่าวว่า สำหรับภาคธุรกิจแล้วความหลากหลายทางชีวภาพเป็นทั้งความเสี่ยงและโอกาส ความเสี่ยงเกิดจากการลดลงของความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่ห่วงโซ่อุปทานและการดำเนินงานของธุรกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเสี่ยงเชิงระบบในวงกว้างที่เกี่ยวข้องกับการร่อยหรอและเสื่อมโทรมของธรรมชาติโดยรวม
ความหลากหลายทางชีวภาพไม่ใช่เป็นแค่เรื่องของความเสี่ยงเท่านั้น การเปลี่ยนจากวิถีการดำเนินธุรกิจตามปกติไปสู่รูปแบบเศรษฐกิจในแนวทางธรรมชาติเชิงบวกสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจได้กว่า 10.1 ล้านล้านดอลลาร์ (World Economic Forum, 2022) ซึ่งเป็นศักยภาพที่มาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น มูลค่าที่สูงขึ้น ต้นทุนที่ลดลง รวมถึงพนักงานและลูกค้าที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับองค์กรธุรกิจมากขึ้น
เครื่องมือป้องกันการลดลงของความหลากหลายทางชีวภาพ
นางสุวรรณา กล่าวต่อว่า จากผลกระทบที่เกิดขึ้นมีความพยายามในระดับโลกที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยกรอบความหลากหลายทางชีวภาพระดับโลกคุนหมิง-มอนทรีออล (Kunming-Montreal Global Biodiversity Framework) กำหนดเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพภายในปี 2030 โดยการสนับสนุนให้องค์กรต่างๆ ดำเนินแนวทางวิถีธรรมชาติเชิงบวก โดยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ กักเก็บคาร์บอน ปรับปรุงคุณภาพน้ำ และลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาด สิ่งเหล่านี้ล้วนช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน (Resilience) ให้กับโลกและสังคมมนุษย์ และมีเป้าหมายในการฟื้นฟูสุขภาวะระบบนิเวศได้เต็มที่ในปี 2050
หลังจากนั้นจึงได้มีการริเริ่มพัฒนาเครืองมือต่างๆ เข้ามาสนับสนุนการมุ่งสู่การบรรเทาการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ไม่ว่าจะเป็น แนวทางวิถีธรรมชาติเชิงบวก “Nature Positive Approach” เป็นคำที่ใช้อธิบายโลกที่ธรรมชาติกำลังได้รับการฟื้นฟูและกำลังเกิดขึ้นใหม่แทนที่จะเสื่อมถอยลง เกี่ยวข้องกับการหยุดยั้งและพลิกฟื้นการทำลายระบบนิเวศในปัจจุบัน
โดยมีเป้าหมาย คือ การมีธรรมชาติที่ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน (World Economic Forum 2023a) ตัวอย่างของแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยวิถีธรรมชาติเชิงบวกประกอบด้วย: การยกเลิกหรือหลีกเลี่ยงแนวปฏิบัติที่ส่งผลกระทบด้านลบต่อระบบนิเวศ เลือกใช้การแก้ปัญหาบนฐานของธรรมชาติ (Nature-Based Solutions) มีการปรับปรุงฟื้นฟูสภาพของธรรมชาติ การออกแบบและนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรกับธรรมชาติมากขึ้น และในขณะนี้ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจเรื่องมือใหม่ที่จะมาช่วยเร่งการดำเนินการด้านการระดมทุนเพื่อนำไปสู่การฟื้นฟู อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ที่เรียกว่า เครดิตความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity Credit)
เครดิตความหลากหลายทางชีวภาพ คืออะไร
เครดิตความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Credit) คือ ใบรับรองที่แสดงถึงหน่วยวัดของผลลัพธ์เชิงบวกของความหลากหลายทางชีวภาพที่ตรวจวัดได้และมีหลักฐานรองรับ (evidence-based outcome) โดยมีความยั่งยืน (durability) และเป็นการดำเนินงานเพิ่มเติมจากสิ่งที่เกิดขึ้นตามปกติ (additionality) การเพิ่มขึ้นของความหลากหลายทางชีวภาพเกิดจากการฟื้นฟู (uplift) การจัดการปัญหา (avoid loss) และการอนุรักษ์ (maintenance) โดยต้องคงอยู่เป็นระยะเวลานาน (Biodiversity Credit Alliance (2024))
ตลาดเครดิตความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Credit (High-integrity biodiversity credit market) ต้องมีลักษณะ 3 ส่วนสำคัญ คือ
1. ต้องมีวิธีการหรือ Methodology และกระบวนการที่ชัดเจน มีวิธีการในการตรวจสอบไดและมีการสื่อสารที่ชัดเจนระหว่างวิธีการและผลลัพธ์ของการประเมินความหลากหลายทางชีวภาพให้คนภายนอกเข้าใจและยอมรับ จึงจะเกิดการมีส่วนร่วมในการเข้าร่วมทำกิจกรรมหรือโครงการเพื่อให้เกิดการซื้อขาย Biodiversity Credit โดยเครดิตต้องมีการตรวจสอบและทวนสอบโดยบุคคลที่สาม ผลที่ได้ต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนต้องโปร่งใส
2. ต้องไม่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อชุมชน และควรให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชนที่เป็นเจ้าของพื้นที่ที่ภาคธุรกิจหรือองค์กรเข้าไปดำเนินการ
3. ราคาซื้อขายต้องยุติธรรมและเท่าเทียม
ตลาดเครดิตความหลากหลายทางชีวภาพในไทย
นับจากปี 2022 ถึงปี 2024 ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกมีการพัฒนาระบบเครดิตความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity credit scheme) กว่า 50 ระบบ (Bloom Labs, 2023; Pollination, 2023; Zynobia Newman et al, 2023) ) มีทั้งระบบที่เริ่มดำเนินการแล้ว และระบบที่อยู่ในช่วงที่กำลังพัฒนา ในช่วง 2 ปีนี้แต่ละองค์กรในประเทศต่าง ๆ ต่างก็พัฒนาระบบแตกต่างกันไป
ระบบเครดิตความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity credit scheme) ที่ยอมรับว่ามีมาตรฐานโดดเด่นเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ประกอบด้วย Life Institute, Terrascape, Biodiversity Future Initiatives, PlanVivo, Terrasos, Cercarbono, GreenCollar, Verra, Terrain NRM, และ BioCarbon Standard
ขณะที่ระบบเครดิตความหลากหลายทางชีวภาพเป็นที่ยอมรับด้านระเบียบวิธีที่โดดเด่นอย่างกว้างขวาง ประกอบด้วย Wallacea Trust, Pivotal, Savimbo, Accounting for Nature, ERA Brazil, Carbone4/ MNHN/FRB, SLU, CreditNature, ValueNature, Ekos, Rebalance Earth, Open Earth Foundation และ Wilderlands แต่อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังไม่มีการดำเนินการจริงจังในเรื่องนี้
BEDO ริเริ่มโครงการ ศึกษา Biodiversity credits
สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) หรือ BEDO กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีภารกิจในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการใช้ประโยชน์และอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน ได้ริเริ่มงานศึกษาทั้งระดับนโยบายและเครื่องมือใหม่ๆ ที่จะสนับสนุนภาคธุรกิจต่อการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนพร้อมคำนึงถึงความหลากหลายทางชีวภาพ ตั้งแต่การประเมินผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจต่อความหลากหลายทางชีวภาพ (Business and Biodiversity Check) การประเมินทุนทางธรรมชาติ ( Natural Capital Accounting)
โครงการ ศึกษาเครดิตความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity credits) เป็นหนึ่งในโครงการที่ BEDO เริ่มดำเนินในปี 2567 เพื่อเตรียมความพร้อมให้ประเทศไทยในการรับนวัตกรรมทางการเงินเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ ดำเนินการศึกษาการจัดทำเครดิตความหลากหลายทางชีวภาพของระบบต่างทั่วโลก ศึกษากรณีศึกษา BioCarbon Biodiversity Standard, Cercarbono, Green Collar-NaturePlus™, Plan Vivo (PV Nature Biodiversity Credit), Terrasos และ Biodiversity Net Gain ของ UK นำไปสู่การจัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินการในประเทศไทย
โอกาสของธุรกิจและความยั่งยืนของธรรมชาติ
เครดิตความหลากหลายทางชีวภาพ นอกเหนือจาก “ส่งเสริมให้ภาคเอกชนลงทุนในความหลากหลายทางชีวภาพ” เพื่อนำไปสู่การเพิ่มของธรรมชาติเชิงบวกแล้วส่วนสำคัญคือจะกลายเป็นกลยุทธ์ที่น่าดึงดูดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ช่วยให้ภาคธุรกิจก้าวเดินไปในเส้นทางแห่งความยั่งยืนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) มีการดำเนินการตามกรอบทางสังคม สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแล (Environmental, Social, and Governance: ESG) ปฏิบัติตามข้อกำหนดใหม่ในการเปิดเผยข้อมูล และลดความเสี่ยงทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ
ตามกรอบงานที่เกิดขึ้นใหม่ของคณะทำงานเพื่อการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ (Taskforce for Nature-related Financial Disclosures: TNFD) และเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรและความไว้วางใจของผู้ถือผลประโยชน์ ที่สำคัญ คือ การสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป็นผู้ดูแลความหลากหลายทางชีวภาพมากกว่า 80% เน้นย้ำถึงความสำคัญของชุมชนท้องถิ่นว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินโครงการต่าง ๆ ในการอนุรักษ์หรือฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสร้างแนวทางการมีส่วนร่วม การเป็นเจ้าของ และแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเท่าเทียมกับชุมชน
อีกทั้ง BEDO มีบทบาทในการเป็นโซ่กลางเพื่อให้เกิดการทำงานส่วนนี้ผ่านกิจกรรมและโปรแกรมอนุรักษ์ เสริมรายได้ สร้างอาชีพ สู่การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เช่น โครงการธนาคารความหลากหลายทางชีวภาพระดับชุมชน (Community Biobank) ที่ภาคธุรกิจสามารถมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรร่วมกับชุมชนมากกว่า 79 แห่ง ทั่วประเทศ หรือ การปลูกป่าร่วมกับเห็ดไมคอไรซ่า เป็นต้น
ดังนั้น ตลาดเครดิตความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity credit market) ใบรับรองความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity certificates) และคาร์บอนเครดิตเชิงบวกด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity positive carbon credits) จึงนับเป็นนวัตกรรมสำคัญของทศวรรษนี้ที่เป็นเสมือนแผนงานระดับโลก (Global roadmap) ที่ประเทศต่าง ๆ ร่วมมือกันเผชิญหน้าต่อความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมโลกร่วมกัน
โดยเฉพาะในเรื่องการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยริเริ่มกระบวนการทำงานอย่างมีส่วนร่วม และองค์กรต่าง ๆ ที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่ต่างมุ่งหวังที่จะจัดโครงสร้างใหม่ พัฒนาวิธีการใหม่ ๆ รวมทั้งเกิดการรวมตัวของกลุ่มการทำงานด้านสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ในลักษณะที่จะนำไปสู่ผลลัพธ์ตามเป้าหมายวิถีธรรมชาติเชิงบวกที่สร้างความเท่าเทียมต่อธรรมชาติและผู้คน







