วิกฤติแม่น้ำกก สารหนูเกินมาตรฐาน ประสานประเทศเพื่อนบ้าน คุมแหล่งมลพิษ

ผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำ แม่น้ำกก พบสารหนูเกินค่ามาตรฐานในช่วงต่างๆ 17 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแนวทางแก้ไข โดยแบ่งบทบาทกัน ใช้ความร่วมมือทางการฑูตและการทหารในการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษ เพิ่มความถี่ในการตรวจวัดคุณภาพน้ำเดือนละ 2 ครั้ง
KEY
POINTS
- ผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำ แม่น้ำกก พบสารหนูเกินค่ามาตรฐานในช่วงต่างๆ
- 17 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแนวทางแก้ไข โดยแบ่งบทบาทกัน
- ใช้ความร่วมมือทางการฑูตและการทหารในการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษ
- เพิ่มความถี่ในการตรวจวัดคุณภาพน้ำเดือนละ 2 ครั้ง
- ควบคุมการเปิด-ปิดประตูระบายน้ำและเตรียมเครื่องจักรสำหรับการป้องกันการท่วมทะลักเข้าสู่ลำน้ำสาขา
- ประสานกรมกิจการชายแดนทหารและสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) เพื่อสืบหาแหล่งที่มาของการปนเปื้อน
- ผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำประปา พบว่ามีความปลอดภัยต่อสุขภาพ
- แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน
จากการตรวจวัดคุณภาพน้ำ จังหวัดเชียงราย โดยกองวิจัย พัฒนาและอุทกวิทยา สำนักงานบริหารและพัฒนาคุณภาพการจัดการน้ำ กรมทรัพยากรน้ำ พบปริมาณสารหนูเกินค่ามาตรฐานในหลายช่วงเวลา โดยแม่น้ำกก พบในช่วงเดือนกรกฎาคม และกันยายน 2567 ขณะที่แม่น้ำโขง (บริเวณอำเภอเชียงแสน) พบในเดือนสิงหาคมและธันวาคม 2567 รวมถึงช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2568
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการแก้ไขปัญหาสารหนูปนเปื้อนในแม่น้ำกก จังหวัดเชียงราย อย่างเร่งด่วน เนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพประชาชน และเศรษฐกิจในพื้นที่ รวมถึงการใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคของประชาชน
รองนายกรัฐมนตรียังได้มีข้อสั่งการจัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 17 หน่วยงาน เพื่อวางแนวทางแก้ไขปัญหา โดยแบ่งบทบาทแต่ละหน่วยงานดังนี้
- กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ใช้กลไกความร่วมมือทางการฑูตและการทหาร รวมถึงกลุ่มน้ำโขงเหนือในการแก้ไขปัญหา โดยประสานกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษที่ก่อให้เกิดปัญหา
- กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ได้รับมอบหมายให้ใช้นวัตกรรมดาวเทียมและเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศในการหาต้นตอของการปนเปื้อน เพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ
- กระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบหมายให้จัดหาน้ำอุปโภคบริโภคเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และสื่อสารประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน
- กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบการปนเปื้อนในสัตว์น้ำ และกระทรวงสาธารณสุข ได้รับมอบหมายให้ติดตามการสะสมสารปนเปื้อนในร่างกายมนุษย์
- กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับมอบหมายให้ติดตามตรวจสอบสารปนเปื้อนในแม่น้ำกกและลำน้ำสาขา โดยกรมทรัพยากรน้ำ มีสถานีอุทกวิทยา 14 แห่งในลุ่มน้ำกกและแม่น้ำสาขา เช่น แม่น้ำแม่ฝาง และแม่น้ำแม่ลาว ทำหน้าที่ตรวจวัดระดับน้ำ ปริมาณน้ำท่า ปริมาณตะกอน และปริมาณน้ำฝน เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง
ใช้การฑูต เจรจาประเทศเพื่อนบ้าน
ผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำในเดือนเมษายน 2568 พบการปนเปื้อนสารหนูเฉพาะลำน้ำแม่กก ส่วนลำน้ำสาขาไม่พบการปนเปื้อน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษได้เพิ่มความถี่ในการตรวจวัดเพื่อเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องเดือนละ 2 ครั้ง
ขณะเดียวกันกรมทรัพยากรน้ำเฝ้าระวังพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนโดยมีการควบคุมการเปิด ปิดประตูระบายน้ำ และเตรียมพร้อมเครื่องจักรสำหรับการป้องกันการท่วมทะลักเข้าสู่ลำน้ำสาขา สำหรับมาตรการเร่งด่วนที่กำลังดำเนินการ โดยใช้กลไกความร่วมมือทางการฑูต และการทหาร ในการเจรจาแก้ไขกับประเทศเพื่อนบ้าน
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ประสานกรมกิจการชายแดนทหารสนับสนุนข้อมูลคุณภาพสิ่งแวดล้อม และภาพถ่ายดาวเทียมจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) เพื่อสืบหาแหล่งที่มาของการปนเปื้อน
น้ำประปายังปลอดภัย
ผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำประปาโดยการประปาส่วนภูมิภาคและกรมอนามัย ผลการตรวจสอบสัตว์น้ำโดยกรมประมง พบว่ามีความปลอดภัยต่อสุขภาพอนามัยของพี่น้องประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย ซึ่งสอดคล้องกับตัวอย่างปัสสาวะของประชาชนที่ไม่พบสารปนเปื้อน
ตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขคุณภาพน้ำผิวดิน
นอกจากนี้ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน โดยมี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ เป็นรองประธาน
และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 29 หน่วยงานเป็นอนุกรรมการ เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ สภาพปัญหา และสาเหตุที่ส่งผลกระทบต่อแหล่งน้ำ รวมทั้งกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหา การบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และเจรจาระหว่างประเทศเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษภายนอกประเทศ







