หาดทรายแก้ว ภูเก็ต ถูกกัดเซาะหนัก กระทรวงทรัพยากรฯ แก้ด้วยรั้วไม้ดักทราย

หาดทรายแก้ว จ.ภูเก็ต เผชิญปัญหากัดเซาะชายฝั่งอย่างต่อเนื่อง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ แก้ไขปัญหา ใช้ “โครงสร้างอ่อน” ลดแรงคลื่น ดักตะกอนทราย มีแผนขยาย 1,150 เมตร
KEY
POINTS
- หาดทรายแก้ว จ.ภูเก็ต เผชิญปัญหากัดเซาะชายฝั่งอย่างต่อเนื่อง
- กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบและแก้ไขปัญหา ใช้ “โครงสร้างอ่อน” ลดแรงคลื่นและส่งเสริมการสะสมของตะกอนทราย
- มีแผนขยายแนวรั้วเพิ่มเติมอีก 1,150 เมตร
หาดทรายแก้ว จ.ภูเก็ต กำลังเผชิญปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงมรสุมที่ผ่านมา พบว่ามีการกัดเซาะชายหาดเป็นระยะทางกว่า 7.3 เมตร ส่งผลให้ต้นสนบริเวณหน้าหาดล้มจำนวนมาก และบางช่วงของมรสุมยังมีคลื่นลมแรงพัดน้ำทะเลเข้ามาถึงถนน ทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด
ล่าสุด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและดำเนินมาตรการแก้ไข โดยใช้ โครงสร้างอ่อน เช่น การปักรั้วไม้ดักทราย ซึ่งช่วยลดแรงกระทำของคลื่นและส่งเสริมการสะสมของตะกอนทราย พบว่าหลังดำเนินการไปแล้ว 300 เมตร มีการสะสมของตะกอนทรายเฉลี่ย 30-50 เซนติเมตร และมีแผนขยายแนวรั้วเพิ่มเติมอีก 1,150 เมตร เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน
ปัญหาส่อเค้ารุนแรง
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ลงพื้นที่หาดทรายแก้ว อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังหวัดภูเก็ต เพื่อติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการสัญจรของประชาชนในช่วงฤดูมรสุม
รมว.ทส. เปิดเผยว่า ปัญหาดังกล่าวเริ่มส่อเค้ารุนแรงตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 โดยมีการกัดเซาะชายหาดลึกถึงกว่า 7.3 เมตร ต้นสนบริเวณหน้าหาดโค่นล้ม และบางช่วงมีคลื่นลมแรงซัดน้ำทะเลเข้าท่วมถนน ทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนในการสัญจร รัฐบาลจึงได้สั่งการให้กรมอุทยานฯ ร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เร่งหาทางออกอย่างยั่งยืน
ใช้ 'โครงสร้างอ่อน' แก้ปัญหา
ทั้งนี้ หนึ่งในแนวทางที่นำมาใช้ คือ “โครงสร้างอ่อน” โดยการปักไม้เป็นแนวรั้วธรรมชาติลักษณะซิกแซก ซึ่งไม่เพียงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยังช่วยดักตะกอนทรายกลับเข้าชายฝั่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันได้ดำเนินการปักไม้ในพื้นที่แล้วประมาณ 300 เมตร และพบว่ามีการสะสมของตะกอนทรายหน้ารั้วไม้เฉลี่ย 30-50 เมตร ส่งผลให้ชายฝั่งเริ่มฟื้นฟูตามธรรมชาติ
ดร.เฉลิมชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้มอบหมายให้กรมอุทยานฯ ขยายแนวรั้วไม้เพิ่มเติมอีก 1,000 เมตรทางด้านซ้ายของชายหาด และอีก 150 เมตรทางด้านขวา เพื่อให้การป้องกันชายฝั่งมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและสามารถแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างยั่งยืน
“การแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งต้องดำเนินอย่างรอบคอบและคำนึงถึงความสมดุลของธรรมชาติเป็นหลัก แนวทางโครงสร้างอ่อนนี้พิสูจน์แล้วว่าได้ผลและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เราจะผลักดันให้ขยายผลในพื้นที่อื่นที่มีปัญหาลักษณะเดียวกัน” รัฐมนตรีกล่าวทิ้งท้าย







