ค่าธรรมเนียมรถติด ลดมลพิษ ต้องจ่ายเท่าไหร่ ถนนย่านไหนบ้าง?

ค่าธรรมเนียมรถติด ลดมลพิษ ต้องจ่ายเท่าไหร่ ถนนย่านไหนบ้าง?

ประเทศไทยกำลังพิจารณาการนำภาษีการจราจรมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดและมลพิษทางอากาศในกรุงเทพฯ สร้างสภาพแวดล้อมในเมืองที่ยั่งยืนและน่าอยู่อาศัยมากขึ้น

KEY

POINTS

  • ไทยได้เตรียมนโยบายการเก็บ "ค่าธรรมเนียมรถติด"
  • เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ขับขี่ที่ใช้ถนนบางเส้นทางในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ที่มีการจราจรหนาแน่น
  • ลดจำนวนการเดินทางที่ไม่จำเป็น และส่งเสริมการใช้วิธีการเดินทางทางเลือก
  • การมียานพาหนะน้อยลงบนถนนหมายถึงการใช้เชื้อเพลิงน้อยลงและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสารมลพิษอื่นๆ
  • เบื้องต้นอาจจัดเก็บค่าธรรมเนียมในอัตราเพิ่มขึ้นทุก 5 ปี เช่น 5 ปีแรกจัดเก็บคันละ 40-50 บาท หลังจากนั้นจะจัดเก็บคันละ 80 บาท
  • นิวยอร์กหนึ่งในเมืองต้นแบบมีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด แต่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังวางแผนที่จะบังคับ “ยกเลิก”

ในการเคลื่อนไหวเพื่อจัดการกับการจราจรที่ติดขัดและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รัฐบาลไทยได้เตรียมนโยบายการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ถนน ที่เรียกว่า "ค่าธรรมเนียมรถติด" หรือค่าธรรมเนียมการจราจร (Congestion Charge) เป็นหนึ่งในมาตรการของแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง" ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568 - 2570 โดยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ขับขี่ที่ใช้ถนนบางเส้นทางในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ที่มีการจราจรหนาแน่น

ประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม

  • ลดการจราจรติดขัด: การลดจำนวนการเดินทางที่ไม่จำเป็นและส่งเสริมการใช้วิธีการเดินทางทางเลือกช่วยลดจำนวนยานพาหนะบนถนน
  • ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก: การมียานพาหนะน้อยลงบนถนนหมายถึงการใช้เชื้อเพลิงน้อยลงและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสารมลพิษอื่นๆ
  • ปรับปรุงคุณภาพอากาศ: การลดการปล่อยก๊าซทำให้คุณภาพอากาศดีขึ้น ซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม
  • ส่งเสริมการเดินทางที่ยั่งยืน: การทำให้การขับรถในช่วงเวลาที่มีการจราจรหนาแน่นมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นช่วยกระตุ้นให้ประชาชนใช้บริการขนส่งสาธารณะ จักรยาน หรือการเดินเท้า ส่งเสริมการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน

6 ย่าน คาดการณ์เป็นพื้นที่นำร่อง

จากการสำรวจปริมาณจราจร ในปี 2566 ช่วงเวลา 07.00-19.00 น. โดยเส้นทางที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ร่วมมือกับสำนักงานองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ได้แก่

  • ทางแยก เพชรบุรี-ทองหล่อ (ช่วงถนนเพชรบุรี และ ทองหล่อ) มีปริมาณจราจร 60,112 คัน/วัน
  • ทางแยก สีลม-นราธิวาส (ช่วงถนน นราธิวาสราชนครินทร์ และ ถนนสีสม) มีปริมาณจราจร 62,453 คัน/วัน
  • ทางแยก สาทร-นราธิวาส (ช่วงถนน นราธิวาสราชนครินทร์ และ ถนนสาธร) มีปริมาณจราจร 83,368 คัน/วัน
  • ทางแยก ปทุมวัน (ช่วงถนนพญาไทและ ถนนพระรามที่ 1) มีปริมาณจราจร 62,453 คัน/วัน
  • ทางแยก ราชประสงค์ (ช่วงถนนราชดำริ ถนนพระราม 1 และถนนเพลินจิต) มีปริมาณจราจร 56,235 คัน/วัน
  • ทางแยกประตูน้ำ (ช่วงถนนราชดำริ ถนนราชปรารถ และถนนเพชรบุรี) มีปริมาณจราจร 68,473 คัน/วัน)

ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นทุก 5 ปี

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยว่า เบื้องต้นจัดเก็บค่าธรรมเนียมในอัตราเพิ่มขึ้นทุก 5 ปี เช่น 5 ปีแรกจัดเก็บคันละ 40 - 50 บาท หลังจากนั้นจะจัดเก็บคันละ 80 บาท เป็นต้น

คาดว่าจะเก็บได้กว่า 1 หมื่นล้านบาทต่อปี หลังจากนั้นกระทรวงคมนาคม จะนำรายได้เข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) เพื่อซื้อคืนรถไฟฟ้าจากเอกชน และปรับราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าให้เหลือ 20 บาทตลอดสาย ลดค่าครองชีพในการเดินทางให้ประชาชน

ตัวอย่างความสำเร็จต่างประเทศ

มีเมืองหลายแห่งทั่วโลกที่ได้นำรูปแบบภาษีรถติดมาใช้และประสบความสำเร็จในการลดการจราจรติดขัดและปรับปรุงคุณภาพอากาศ ประเทศไทยสามารถเรียนรู้จากการนำรูปแบบภาษีการจราจรมาใช้ในเมืองอื่นๆ ที่ประสบความสำเร็จ

  • ลอนดอน สหราชอาณาจักร : ลอนดอนเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมการจราจรในปี 2003 ระบบนี้ช่วยลดการจราจรในใจกลางเมืองได้อย่างมีนัยสำคัญและสร้างรายได้ที่นำไปใช้ในการพัฒนาการขนส่งสาธารณะ ลดการจราจรลง 15% ในเขตที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียม สร้างรายได้ 1.2 พันล้านปอนด์ ภายในปี 2013 ลดการปล่อย CO2 ลง 16% ในเขตนั้น
  • สิงคโปร์: สิงคโปร์เป็นหนึ่งในเมืองแรก ๆ ที่นำการเก็บค่าธรรมเนียมการจราจรมาใช้ในปี 1975 ระบบนี้ได้รับการปรับปรุงเรื่อยมาและยังคงมีประสิทธิภาพในการจัดการการจราจรและลดการปล่อยก๊าซ ลดการจราจรติดขัดอย่างมีนัยสำคัญ สร้างรายได้ 40-50 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปี ปรับปรุงคุณภาพอากาศและลดมลพิษได้ดีขึ้น
  • สตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน : สตอกโฮล์มเริ่มเก็บภาษีการจราจรในปี 2006 ซึ่งนำไปสู่การลดการจราจรติดขัดและปรับปรุงคุณภาพอากาศอย่างมีนัยสำคัญ ลดการจราจรลง 20% ในเขตเมือง เพิ่มการใช้ขนส่งสาธารณะขึ้น 5% ลดมลพิษและปรับปรุงคุณภาพอากาศสิ
  • มิลาน ประเทศอิตาลี : มิลานเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมการจราจรในปี 2012 เพื่อต่อสู้กับมลพิษทางอากาศและการจราจรติดขัด ระบบนี้ประสบความสำเร็จในการลดจำนวนยานพาหนะในใจกลางเมือง ลดการจราจรลง 12% ในเขตที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียม เพิ่มการใช้ขนส่งสาธารณะขึ้น 48% ลดการปล่อย CO2 ลง 15% ในเขตนั้น
  • นครนิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา เริ่มใช้งาน 5 มกราคม 2025 ลดการจราจรลง 17% ในเขตเก็บค่าธรรมเนียม สร้างรายได้ 15 พันล้านดอลลาร์ในช่วงสี่ปีแรก

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีทรัมป์ได้วางแผนที่จะบังคับให้รัฐนิวยอร์ก “ยกเลิก” การจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติดในแมนฮัตตัน

การเตรียมตัวของประเทศไทย

ประเทศไทยกำลังพิจารณาการนำภาษีการจราจรมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดและมลพิษทางอากาศในกรุงเทพฯ สิ่งที่ควรเตรียมพร้อม

  • การสร้างความตระหนักและการสนับสนุนจากประชาชน : การให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับประโยชน์ของการเก็บค่าธรรมเนียมการจราจรและการสนับสนุนจากประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ การสื่อสารที่ชัดเจนและโปร่งใสเกี่ยวกับวิธีการใช้รายได้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในประชาชน
  • การลงทุนในระบบขนส่งสาธารณะ : รายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมควรถูกนำไปใช้ในการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะให้เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและดึงดูดใจ
  • การดำเนินการเป็นขั้นตอน : การดำเนินการเก็บค่าธรรมเนียมการจราจรในช่วงเวลาที่กำหนดและเริ่มจากพื้นที่เฉพาะสามารถช่วยให้การเปลี่ยนแปลงง่ายขึ้นและปรับปรุงได้ตามคำติชมและข้อมูล
  • การเฝ้าติดตามและประเมินผล : การเฝ้าติดตามและประเมินผลระบบการเก็บค่าธรรมเนียมการจราจรอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าระบบมีประสิทธิภาพและสามารถปรับปรุงได้ตามความจำเป็น

นโยบายภาษีรถติดเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดการจราจรติดขัด แต่ยังส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างรายได้สำหรับการปรับปรุงขนส่งสาธารณะอย่างมีนัยสำคัญ